ตอนที่ 13
ณ โคกร้างหนองพราย ผีเจ้าฟ้าทิพฉายเอนหัวพิงไหล่ภาธรที่ทรุดตัวลงนั่งข้างๆ เล่าถึงอดีตเมื่อชาติปางก่อนให้เขาฟังว่า ตอนที่เขาเป็นออกญาพิชิตแสนพล เขาไม่กล้ารักเธอเพราะบรรดาศักดิ์ค้ำอยู่ แต่ตอนนี้ไม่มีสิ่งใดขวางเราได้อีกแล้ว ภาธรจับมือเธอมากุมไว้
“นี่ใช่ไหม เวลาที่วิญญาณอย่างคุณรอคอยมาตลอด” ภาธรเห็นเธอทำหน้าฉงน อธิบายว่า “ใช่ ผมมองคุณเป็นวิญญาณ...วิญญาณคือพลังงานอย่างหนึ่งมีจริงในจักรวาลนี้ ไม่มีวันดับ จะเปลี่ยนรูปร่างไปยังไงก็ได้ นั่นคือเรื่องที่ผมตอบได้ด้วยวิทยาศาสตร์ แต่มีคำตอบเดียวที่ผมพิสูจน์ไม่ได้ ทำไมคุณรักผมมากขนาดนี้เจ้าฟ้าทิพฉาย ทำไมคุณถึงยอมสละตัวเองเพื่อความรัก”
“ฉันไม่มีเหตุผลว่าทำไมฉันรักคุณ แต่ไม่ว่าชาติไหน คำตอบเดียวของฉันคือฉันจะไม่มีหัวใจให้ใครอีก นอกจากคุณ” คำพูดของผีเจ้าฟ้าทิพฉายทำให้ภาธรสงสารเธอจับใจดึงตัวมากอดแนบอก ฟ้าที่สว่างเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นมืดลงอย่างรวดเร็ว แหวนพญานาคที่ห้อยคอผีเจ้าฟ้าทิพฉายค่อยๆเปล่งแสงสีแดงออกมา เธอช้อนตามองเขาสายตาเต็มไปด้วยความรัก ภาธรใจอ่อนยวบก้มลงจะจูบเธอ
ooooooo
หลังจากเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับปริตตาและภาธรให้ผกาฟังคร่าวๆ คุณหลวงไพรัชชวนเธอไปสวดมนต์ที่ห้องพระ แต่ท่านใจไม่สงบพอจะทำได้ ผกาที่นั่งอยู่ด้านหลังอดสงสัยไม่ได้
“ปริตตาที่เราเห็นไม่ใช่ปริตตาคนเดิมเพราะมีวิญญาณเจ้าฟ้าทิพฉายในตัวเธอ เจ้าฟ้าทิพฉายจะออกจากร่างปริตตาไป ถ้าได้ตัวคุณภาธรไปด้วย...ไม่ว่าทางไหน เราก็ต้องเสียคนใดคนหนึ่งไปหรือคะท่าน”
“ขอให้เราไม่ต้องเสียไปทั้งสองคน” คุณหลวงมองสบตาผกาสีหน้าทุกข์ใจ...
แสงจากแหวนพญานาคที่ห้อยคอผีเจ้าฟ้าทิพฉายสว่างจ้าขึ้นทันทีที่ริมฝีปากภาธรแตะริมฝีปากเธอ แสงนั้นกำลังเชื่อมวิญญาณของทั้งคู่ไว้ด้วยกัน พลังอำนาจเฮือกสุดท้ายของแหวนยังบันดาลให้กิ่งไม้ใหญ่ร่วงจากต้นใส่รวิปรียาที่วิ่งนำทินเทพมาตามทางจะไปโคกร้าง ทับที่น่องของเธออย่างจัง ทินเทพเข้ามาช่วยยกกิ่งไม้ออก
เห็นน่องของเธอเป็นแผลฉกรรจ์เลือดไหลก็ตกใจ รวิปรียากัดฟันข่มความเจ็บ
“ฉันไปไหว รีบไปช่วยปริตตากับภาธรก่อน”
ทินเทพรีบประคองรวิปรียาเร่งฝีเท้าต่อไปยังจุดหมาย...
ขณะที่อำนาจของแหวนพญานาคขยายพลังคลุมร่างของภาธรและผีเจ้าฟ้าทิพฉายไว้เป็นหนึ่งเดียวกันอยู่ที่โคกร้าง อรณีซึ่งอยู่ที่บ้านทรงศิริเดินเข้ามาในห้องนอนปริตตาหยิบภาพถ่ายของลูกขึ้นมาดู เห็นทางหางตาว่ามีร่างของลูกปรากฏขึ้นบนเตียงหันไปดู ร่างนั้นอันตรธานไปต่อหน้า เธอกรีดร้องสุดเสียง










