ตอนที่ 13
มีเสียงร้องเรียกคุณตาคุณยายดังขึ้นด้านหลัง ทั้งสองคนหันมองตามเสียงเห็นปริตตาวิ่งเข้ามาทรุดตัวลงกราบที่ตักคุณหลวงกับผกา พร่ำบอกว่าคิดถึงท่านทั้งสองคนมาก ร้องไห้อยากกลับมาที่นี่ทุกวัน ผกาเองก็คิดถึงเธอเช่นกัน คิดถึงเธอคนที่อยู่ตรงหน้าตนคนนี้ไม่ใช่คนที่แล้ว
“เจ้าฟ้าทิพฉายเขาไปแล้วค่ะ”
ทินเทพเห็นสีหน้าไม่สู้ดีนักของคุณปู่ถามว่ามีอะไรกังวลใจอยู่หรือ ผกาตอบคำถามแทนว่าท่านเป็นห่วงภาธรที่ยังตัดใจไม่ได้กับการหายตัวไปของผีเจ้าฟ้าทิพฉาย...
ทางฝ่ายภาธรทนนิ่งเฉยต่อไปไม่ไหว คว้ากุญแจรถจะออกจากบ้าน ทัดปราดมาขวางไว้ห้ามเขาไปหนองพรายเด็ดขาด ภาธรโกรธสั่งให้ถอยไป ทัดไม่ยอมถอยกางแขนกั้นไว้สุดฤทธิ์ ชายหนุ่มรำคาญผลักทีเดียวทัดเซเป็นนกปีกหัก สั่งห้ามเขามายุ่งกับตน ปล่อยตนไว้คนเดียวแล้วเดินลิ่วออกจากบ้าน ทัดตะโกนไล่หลัง
“โอ๊ย คุณภาธรทำไมเป็นแบบนี้ ทำไงดีวะทัด เอาไงดี...ต้องรายงานท่านว่าคุณภาธรไปแล้ว” พูดจบทัดคว้ามือถือโทร.หาคุณหลวง “เออ แล้วคุณภาธรไปไหนวะ”...
ด็อกเตอร์หนุ่มไม่ได้ไปหนองพราย แต่แวะไปหารวิปรียาที่ร้านขายของเก่า เธอยังเคืองไม่หายที่เขาเอาแต่คร่ำครวญหวนไห้เมื่อรู้ว่าผีเจ้าฟ้าทิพฉายหายไป ขยับจะเดินหนี เขาคว้าแขนไว้ เธอตกใจปล่อยแจกันในมือตกแตก เศษกระเบื้องกระจายเกลื่อนพื้น รวิปรียาก้มลงเก็บถูกเศษแจกันบาดมือ ภาธรเข้าไปประคองเธอไว้พร้อมกับขอโทษที่ทำให้ตกใจ เธอสะบัดหนีเขาไม่ยอมให้ไปคว้ามือมาดูบาดแผลให้ กลับไม่เห็นแม้แต่รอยข่วน
“เมื่อกี้ผมเห็นแจกันบาดมือคุณ”
รวิปรียาปฏิเสธว่าไม่ได้บาด ขอร้องให้เขาปล่อย เขาไม่ปล่อยจนกว่าเธอจะบอกก่อนว่าเธอเป็นใครกันแน่ เธอไม่ใช่วิญญาณแบบเดียวกับเจ้าฟ้าทิพฉาย แต่มีตัวตน
“คุณมาให้ผมหัวปั่นแล้วคุณก็จากไปเหมือนจะแกล้งผม แต่เวลาผมเดือดร้อน คุณก็จะมาช่วยทันเวลา คุณเจ็บแทนผมทำให้ผมเข้าใจพ่อ ทำให้ผมเข้าใจว่าความคิดถึงความเป็นห่วงคนอีกคนตลอดเวลาเป็นยังไง”
“ฉันจะเป็นใครก็ไม่มีความหมายอะไรกับคุณ” รวิปรียาดึงมือออกจนได้แล้วลุกขึ้นเดินหนี ภาธรวิ่งมาดักหน้าถามว่าโกรธเขาหรือ เธอย้อนถามว่าโกรธเขาเรื่องอะไร เขารู้ว่าเธอโกรธเขาเรื่องผีเจ้าฟ้าทิพฉาย
“ฉันไม่ได้โกรธ ฉันบอกแล้วฉันทำทุกอย่างเพื่อช่วยปริตตา”
“ผมรู้คุณห่วงปริตตา ผมก็ห่วงแต่ทิพฉายเขาเป็นผู้หญิงน่าสงสารมากนะ ผมสงสารทิพฉาย เขาติดอยู่กับคำสัญญา” น้ำเสียงจริงจังของภาธรทำให้รวิปรียายิ่งปวดใจ
“เพราะคุณ...อย่าสัญญาอีกภาธร คุณอย่าสัญญากับผู้หญิงคนไหนอีก”
“ผมถึงต้องรับผิดชอบ”










