ตอนที่ 13
ภาธรหันมองรวิปรียาด้วยสายตาหมางเมินอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ยิ่งทำให้เธอเศร้าใจเดินลงเรือนไปโดยไม่เหลียวกลับมามอง ทินเทพไม่อยากเซ้าซี้อะไรเขาอีก รีบตามเธอไป ผีเจ้าฟ้าทิพฉายดีใจที่เห็นภาธรอาลัยอาวรณ์ตัวเองยิ้มทั้งน้ำตา
“ท่านไม่เคยลืมข้า ท่านไม่ได้รักรวิปรียา ท่านรักข้าคนเดียว”...
จากนั้นไม่นานทินเทพกลับถึงบ้านสีหมนตรี คุณหลวงไพรัชเห็นเขากลับมาเพียงลำพังถามว่าภาธรอยู่ไหน ทินเทพได้แต่อ้ำอึ้งไม่กล้าบอกอะไร...
คนที่คุณหลวงถามหานั่งคอตกอยู่ในความมืดบนเรือนไทยที่หนองพรายเพียงลำพัง คร่ำครวญถึงผีเจ้าฟ้าทิพฉายว่าหายไปไหน เราจะได้เจอกันอีกเมื่อไหร่ เธอเคลื่อนเข้ามากอดเขาจากด้านหลัง แต่เขาไม่รู้สึกเพราะเธอไม่เหลืออำนาจที่จะปรากฏตัวให้ใครเห็นได้อีก
“เราอยู่กับท่านตรงนี้แล้วท่านรับรู้หรือไม่ หัวใจเราอยู่กับท่าน” ผีเจ้าฟ้าทิพฉายลูบไล้ไปตามเนื้อตัวเขาน้ำตาไหลพราก “ทำไมเราถึงต้องแยกจากกันอีก”
ooooooo
ปริตตาที่เพิ่งได้ร่างคืนตื่นขึ้นตอนเช้าด้วยความสดชื่น เดินยิ้มร่าลงมาที่ห้องอาหาร ทันใดนั้น วิวรรณโผล่พรวดเข้ามาแปะยันต์ที่แขน เธอตกใจร้องเอะอะ วิวรรณคิดว่าเธอร้องเพราะปวดแสบปวดร้อนที่โดนผ้ายันต์ ปริตตารำคาญกระชากผ้ายันต์ออก วิวรรณตกใจที่ผ้ายันต์ไม่ได้ผล หยิบขวดน้ำมนต์จะสาดซ้ำ
หลานสาวท่านนายพลคว้าข้อมือเธอไว้ น้ำมนต์กระฉอกโดนหน้าวิวรรณเต็มๆถึงร้องกรี๊ดๆลั่น ทรงศิริได้ยินเสียงร้องรีบเดินมาดู “ตายแล้วปริตตาแกผีเข้าจริงๆ แกทำอะไรวิวรรณ”
“ไม่ได้ทำอะไรเลยค่ะคุณหญิงยาย คุณวิวรรณโดนน้ำมนต์แล้วก็กรี๊ดเอง” ปริตตาปล่อยมือวิวรรณที่ทำท่าเจ็บปวด ทรงศิริด่าลูกน้องเสียงลั่นว่าเป็นบ้าอะไร ผีเข้าตัวเอง หรือผีเข้าหลานของตนกันแน่ วิวรรณยืนยันว่าผีเข้าปริตตาไม่ใช่เธอ เมื่อครู่นี้ถูกน้ำมนต์เข้าไปดิ้นพราดๆเลย ปริตตาหัวเราะขำ ใครกันแน่ที่ดิ้นพราดๆ ตนเห็นแต่วิวรรณเท่านั้นที่ร้องกรี๊ดๆ คนถูกล้อมองแปลกใจ
“ยิ้มแบบนี้ นี่มันคุณปริตตาคนเก่า” วิวรรณตั้งข้อสังเกต
“ปริตตา แกไม่ได้ผีเข้า” ทรงศิริมองหลานสาวอย่างสำรวจตรวจตรา เธอยื่นแขนมาตรงหน้าท่านให้ลองจับดูจะได้รู้ว่าเธอเป็นคนหรือผี วิวรรณมองสีหน้าหวั่นๆ ไม่กล้าจับ ปริตตาแกล้งคว้ามือวิวรรณซึ่งตกใจร้องลั่น ทรงศิริฟันธงคนที่ผีเข้าคือวิวรรณไม่ใช่หลานสาวของตน อรณีเข้ามายืนข้างๆลูกโอบกอดเอาไว้ เธอกอดแม่ตอบ ทรงศิริไม่ต้องเดาก็มองออกว่าปริตตาคนเดิมกลับมาแล้วจริงๆ จากนั้นสองแม่ลูกพากันมาที่สระน้ำข้างบ้าน










