ตอนที่ 13
รวิปรียากวาดตามองไปทั่วบริเวณเห็นแหวนพญานาคแตกเป็นเสี่ยงๆเกลื่อนพื้น สะกิดเรียกทินเทพให้ดู
“แสดงว่าน้องหนูกลับมาแล้วใช่ไหมครับ แล้วน้องหนูไปไหน น้องหนูอยู่ไหน”
“ภาธร! ภาธรล่ะ” รวิปรียามองหาไปรอบๆอีกครั้งไม่เห็นแม้เงาของภาธร...
คนที่ทินเทพถามหาไปปรากฏตัวอยู่บนเตียงนอนในห้องของเธอเอง อรณีที่กำลังร้องไห้ฟูมฟายกลัวจะต้องเสียลูกไปเงยหน้าจากฝ่ามือเห็นลูกนอนทอดกายอยู่บนเตียงทั้งแปลกใจทั้งดีใจโผกอดลูกไว้พร้อมกับร้องเรียกให้รู้สึกตัว ปริตตาตัวจริงค่อยๆลืมตาเห็นแม่กำลังร้องไห้กอดตัวเองอยู่
“แม่ขา” ปริตตากอดแม่ตอบร้องไห้ด้วยความดีใจเช่นกัน อรณีได้ยินเสียงเรียกของลูกคนเดิมยิ่งกอดไว้แน่นกลัวลูกจะหายไปไหนอีก เธอเตือนแม่ให้รีบโทร.บอกคุณตากับคุณยายว่าเธอกลับมาแล้ว...
ด้านภาธรวิ่งมาถึงเรือนไทยมองไปรอบๆพบแต่ความว่างเปล่า ร้องเรียกผีเจ้าฟ้าทิพฉาย เงียบไม่มีเสียงขานตอบรู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูก...
แม้จะดีใจที่ได้ข่าวจากอรณีว่าปริตตาตัวจริงกลับมาอย่างปลอดภัย แต่คุณหลวงไพรัชอดเป็นกังวลไม่ได้ที่ยังไม่มีข่าวภาธร ได้แต่หวังว่าลูกชายจะไม่ได้ไปกับผีเจ้าฟ้าทิพฉาย
ooooooo
คนที่คุณหลวงไพรัชเป็นห่วงกำลังเดินพล่านไปทั่วเรือนไทยตามหาผีเจ้าฟ้าทิพฉาย แต่ต้องชะงักเมื่อเห็นรวิปรียาวิ่งนำทินเทพเข้ามา บอกด้วยน้ำเสียงร้อนรนว่าผีเจ้าฟ้าทิพฉายหายไปที่โคกร้างก็ไม่มีที่นี่ก็ไม่เจอ
“ดีแล้วนี่ครับ อาอยากจะเจอเธอทำไม หรือว่าอาอยากให้ทิพฉายอยู่แต่น้องหนูหายไปตลอดชีวิต”
ภาธรฉุนขาดโดดต่อยหลานชายกระเด็นติดผนังบ้าน ตะคอกใส่ว่าไม่อยากให้ใครหายไปทั้งนั้น รวิปรียาเห็นท่าไม่ดีปรี่เข้าไปกั้นกลางขอให้ภาธรมีสติหน่อย อย่าทำตัวเหมือนคนบ้า เขาไม่สนใจยังคงเดินหาผีเจ้าฟ้าทิพฉายวุ่นวายไปหมด จังหวะนั้นผกาโทร.มาแจ้งข่าวดีให้
ทินเทพรู้ว่าปริตตาตัวจริงกลับมาแล้ว เขาแทบโดดตัวลอยด้วยความดีใจหันไปบอกข่าวดีนี้ให้รวิปรียารู้ ภาธรได้ฟังถึงกับใจหาย
“ปริตตากลับมา ทิพฉายถึงหายไป” ภาธรต้องหันหน้าหนีกลัวรวิปรียาจะเห็นน้ำตา
ผีเจ้าฟ้าทิพฉายที่เฝ้าดูอยู่ตรงมุมมืดของบ้านเห็นภาธรร้องไห้ให้ตนเองพลอยร้องไห้ไปด้วย โดยไม่มีใครเห็น รวิปรียาเสียใจที่เห็นเขามีเยื่อใยกับผีเจ้าฟ้าทิพฉายออกนอกหน้า ค่อยๆถอยห่างออกมา ทินเทพชวนเขากลับกรุงเทพฯด้วยกัน เขาไม่ยอมกลับ อยากอยู่ที่นี่ตามลำพัง
“ปล่อยเขา เราได้ปริตตากลับมาแล้ว”










