ตอนที่ 13
“คุณทิน ผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่ปริตตา” รวิปรียาชี้แจง ทินเทพเห็นเพียงร่างปริตตาที่อยู่ในอ้อมกอดภาธรไม่เห็นผีเจ้าฟ้าทิพฉายที่สิงร่างเธออยู่ รวิปรียาขอให้ทินเทพอย่ามองด้วยตาเปล่า
“แล้วผมต้องมองด้วยอะไร ที่เห็นทนโท่นั่น อาผมกับผู้หญิงที่ผมรัก คุณจะทนก็ตามใจแต่ผมไม่ทน” ทินเทพวิ่งออกไปทันที เกือบชนทัดที่เดินสวนเข้ามา ภาธรร้องบอกให้ทัดตามไปห้ามทินเทพไว้ก่อน ทัดรีบปฏิบัติตามคำสั่ง รวิปรียาเห็นแหวนพญานาคที่คอผีเจ้าฟ้าทิพฉายซึ่งอ่อนแรงเต็มทีก็สบโอกาสเหมาะ
“แหวนวงนั้น! ภาธร รีบเอาแหวนวงนั้นออกมา อย่าให้แหวนอยู่กับทิพฉาย”
ผีร้ายถึงกับหน้าซีด หากแหวนตกไปอยู่ในมือรวิปรียา ร่างของเธอคงต้องแหลกสลายจึงกำแหวนไว้แน่น
ooooooo
ทินเทพยังวิ่งไม่พ้นประตูรั้ว ทัดตามมาคว้าแขนไว้ทัน ชวนให้กลับไปคุยกันให้รู้เรื่องก่อน เขาสะบัดมือ พ่อบ้านออก สั่งห้ามมายุ่ง สีหน้าเอาเรื่องของเขาทำให้ทัดไม่กล้าหือจำต้องปล่อยเขาไป...
รวิปรียาเห็นภาธรเอาแต่นิ่งเฉย ร้องเตือนอีกครั้งให้ดึงแหวนพญานาคออกจากมือผีเจ้าฟ้าทิพฉาย เขายื่นมือจะไปหยิบแหวนแต่ผีเจ้าฟ้าทิพฉายฮึดสู้สะบัดหนี รวิปรียาเข้าไปช่วยจับตัวเธอไว้ แหวนแก้วสุริยกานต์สัมผัสถูกตัวเธอถึงกับกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด เรียกให้ภาธรช่วยด้วย รวิปรียากำลังจะดึงแหวนออกจากสร้อยห้อยคอเธอ ภาธรกลับรั้งแขนรวิปรียาไว้ทำให้เธอสบช่องหนีไปได้
“ห้ามฉันทำไม ทิพฉายหนีไปแล้ว” รวิปรียาจะวิ่งตาม ภาธรคว้าแขนเธอไว้ไม่ยอมให้ไป...
ด้านผีเจ้าฟ้าทิพฉายวิ่งชนทัดที่กำลังจะกลับมารายงานเรื่องทินเทพล้มกลิ้ง ครั้นเขาลุกขึ้นมองอีกทีเธอหายไปแล้ว กวาดตามองหาไปรอบๆก็ไม่เจอ แปลกใจทำไมหายไปไหนเร็วนัก
อีกมุมหนึ่งในตัวบ้าน รวิปรียาต่อว่าภาธรที่ปล่อยให้ผีเจ้าฟ้าทิพฉายหลุดมือ ถ้าเราได้แหวนวงนั้น ผีร้ายจะหายไปตลอดกาล เขาโวยเธอกลับไม่เห็นหรือว่าเธอทำให้ผีเจ้าฟ้าทิพฉายเจ็บ อยากช่วยปริตตาแค่ไหนก็ไม่ควรทำร้ายอีกคนให้เจ็บ ทัดวิ่งเข้ามารายงานว่าปริตตาหายไปแล้ว ยิ่งทำให้รวิปรียาไม่พอใจ
“คุณทิ้งโอกาสที่ดีที่สุด โอกาสที่ไม่เกิดขึ้นอีกแล้วเพราะความใจอ่อนของคุณ” รวิปรียาผละจากไปอย่างหัวเสีย ภาธรได้แต่มองตามหงุดหงิดใจ...
ชาลีบ่นไม่เลิกตั้งแต่ออกจากเรือนไทยที่หนองพรายยันกลับถึงบ้าน ไหนว่าปริตตาไปที่นั่นบ่อยๆทำไมไม่มีใครบอกสักคำว่ามันมีอะไรประหลาด ทรงศิริเสนอให้รีบขายเรือนไทยหลังนั้น










