ตอนที่ 13
ที่ห้องพักฟื้นผู้ป่วย คุณหลวงฟังผกาเล่าถึงทินเทพที่เอาแต่หมกตัวอยู่ในห้อง ข้าวปลาไม่แตะ ตัดสินใจจะกลับบ้าน เธอร้องทักหายดีแล้วหรือ ไหนว่ายังอยากอยู่ที่นี่ก่อน
“ยื้อไว้ก็มีแต่เรื่องยุ่ง ถึงเวลาต้องเผชิญหน้ากับปัญหา อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด”...
ไม่นานนักภาธรมาถึงร้านขายของเก่า แทนที่จะได้เจอรวิปรียากลับพบผีเจ้าฟ้าทิพฉายนั่งน้ำตานองหน้ารอท่าอยู่ เขาเข้าไปคุกเข่าตรงหน้าถามว่าเป็นอย่างไรบ้าง เธอคร่ำครวญว่ายังเจ็บเนื้อเจ็บตัวอยู่ เขาอาสาจะพาไปหาหมอ แล้วประคองให้ลุกขึ้น เธอร้องห้ามไว้
“ฉันไม่ต้องการหมอ ถ้าเราต้องจากกันอีก ฉันอยากกลับหนองพรายกลับไปบ้านที่เคยมีแต่เรา” ผีเจ้าฟ้าทิพฉายบีบน้ำตา ภาธรสงสารเธอจับใจดึงตัวมากอด เธอซบหน้ากับอกเขาด้วยความรักเต็มหัวใจ รวิปรียาที่แอบมองอยู่ถึงกับน้ำตาร่วง ผีเจ้าฟ้าทิพฉายออดอ้อนขอตายในอ้อมแขนของเขาได้ไหม ภาธรไม่ตอบได้แต่กวาดตามองไปรอบๆ รวิปรียารีบหลบหลังเสาไม่อยากให้เห็น ผีเจ้าฟ้าทิพฉายรู้ทันความคิดของเขา
“รวิปรียาเขายอมให้คุณลาฉัน...ถ้าฉันจากร่างนี้ไปปริตตาก็จะกลับมา”
“ผมจะพาคุณไปหนองพราย” ภาธรตกหลุมพรางของผีเจ้าฟ้าทิพฉายโดยไม่รู้ตัว รวิปรียามองตามเขาที่อุ้มผีเจ้าฟ้าทิพฉายออกไปด้วยหัวใจร้าวราน...
ระหว่างที่ภาธรพาผีเจ้าฟ้าทิพฉายมุ่งหน้าสู่หนองพราย ชาดาแค้นใจมากที่ภาธรไม่จัดการกับปริตตาจึงโทร.ไปฟ้องอธิการบดีเรื่องที่ปริตตาเกี่ยวข้องกับการตกตึกของแสงจันทร์ ผีสมชายปรากฏตัวขึ้นด้านหลังไม่พอใจกับการกระทำของเธอจ้องมองอย่างมาดร้าย
“จริงๆค่ะ ดิฉันเห็นปริตตาผลักแสงจันทร์ตกตึก ไม่ใช่อุบัติเหตุ แต่ปริตตาตั้งใจผลัก ดิฉันเป็นพยานได้ค่ะ ...ค่ะๆ ดิฉันต้องการความยุติธรรมให้แสงจันทร์” ชาดาพูดโทรศัพท์ไปพลางหันหลังกลับมา ตกใจแทบสิ้นสติเมื่อเห็นผีสมชายยืนอยู่ กรีดร้องห้องแทบแตกมือถือร่วงตกพื้นโดยที่ยังไม่ได้วางสาย
“ไปนะ...ไป” ชาดาโวยวายเสียงลั่น...
ขณะที่ชาดาตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน อรณีเดินคุยกับวิวรรณที่ในมือถือยันต์ลงอักขระมาที่ห้องนอนของปริตตา วิวรรณคุยอวดว่าได้ยันต์ผืนนี้มาจากเกจิอาจารย์ชื่อดัง อรณีย้ำว่าเรื่องนี้จะให้ล่วงรู้ถึงหูคนอื่นไม่ได้ เธอรับรองจะไม่ปริปากบอกใครเพราะมันหมายถึงชื่อเสียงของปริตตา ความหวังจะใช้ยันต์ปราบผีของวิวรรณต้องพังไม่เป็นท่าเมื่อเปิดประตูเข้ามาในห้องพบแต่ความว่างเปล่า
ooooooo










