ตอนที่ 12
ไม่มีใครรู้ว่ามีสายตาคู่หนึ่งจับตามองทั้งสามคนอยู่ อัปสรถามสินธรว่า เรือนนี้กลับมาเป็นของเขาแล้ว แต่เขาคงไม่คิดจะกลับมาอยู่ที่นี่อีกใช่ไหม สินธรถามว่าถ้าตนชวนล่ะ อัปสรส่ายหน้าทั้งตกใจทั้งเขินบอกว่าไม่มีทาง แล้วเดินแยกไปอีกทาง สินธรจึงหันมาคุยกับสารวัตรต่อ สารวัตรย้ำว่า
“อย่าลืมเรื่องที่เราคุยกันไว้นะครับ”
“ไม่ลืมครับสารวัตร ถ้าปี่เลานั้นไม่ได้ถูกยกให้วัดพร้อมกับเครื่องดนตรีชิ้นอื่น ก็น่าจะยังอยู่ที่นี่ ทำไมเจ้านายของสารวัตรถึงอยากได้ปี่ของพิกุลเลานี้ครับ”
“เจ้านายผมขอไปจัดแสดงที่มูลนิธิของท่านเจ้าคุณพิชัยน่ะครับ ปี่เลานี้จะเป็นหลักฐานสำคัญที่บ่งบอก ว่าช่วงชีวิตหนึ่ง ท่านเจ้าคุณอุปถัมภ์วงปี่พาทย์ของท่านจางวางพ่วงและวงปี่พาทย์นี้สำคัญกับท่านอย่างไร”
สินธรถามว่าท่านเจ้าคุณบันทึกเรื่องนี้ไว้ด้วยหรือ สารวัตรบอกว่าถ้าเขาอยากอ่านบันทึกของท่าน ตนจะเรียนเจ้านายให้ทราบดีไหม สินธรรีบขอบคุณ สารวัตรจึงขอตัวลงเรือนไป พิกุลรับรู้เรื่องทั้งหมด พึมพำ...
“ไม่มีวันหรอกพี่สิน ตราบใดที่อดีตยังไม่ได้ชำระสะสาง ปี่ของพิกุลจะต้องอยู่กับพิกุลเท่านั้น”
ooooooo
นิสาไปวัดที่เคยเจอพุดกรอง เจอพุดกรองนั่งร้อยมาลัยอยู่ที่มุมหนึ่งในวัด จึงไปนั่งดูด้วยความสนใจ พุดกรองบอกว่าร้อยมาลัยถวายพระช่วยให้คลายจากความว้าวุ่น จิตใจสงบ ชวนลองดูไหม
พุดกรองส่งเข็มร้อยมาลัยให้นิสา เธอรับไปเสียบมะลิดอกแรกทั้งที่ใจยังคับข้อง
“มาลัยถวายพระพวงนี้งดงามด้วยดอกไม้ที่เราคัดสรรมาร้อยทีละดอก ดอกไหนช้ำเราก็ต้องคัดออก ช้ำเพียงดอกเดียว มาลัยของเราก็เป็นตำหนิ” พุดกรองบรรยายการร้อยมาลัยให้ฟัง
นิสาเห็นรอยช้ำที่ดอกมะลิจึงเปลี่ยนดอกใหม่
พุดกรองเปรียบเทียบการร้อยมาลัยกับการดำเนินชีวิตว่า
“ชีวิตคนเราก็เหมือนการร้อยมาลัย เราเลือกแต่สิ่งที่ดี เลี่ยงสิ่งที่จะเป็นตำหนิให้ชีวิตได้ ขอแค่มีสติเราก็จะได้ชีวิตที่ดีงามเหมือนกัน” พุดกรองเลือกดอกไม้ให้นิสาร้อยมาลัย จนนิสารู้สึกถึงความผิดปกติ เมื่อเห็นภาพสารภีนั่งร้อยมาลัยอยู่ตรงหน้าแต่เป็นดอกปีบ










