ตอนที่ 12
ที่ป่าช้าวัดประจำตำบล กำนันพงษ์ถามหมอผีอย่างโกรธจัดว่ามันหนีไปได้ มันเป็นไปได้ยังไง หมอผีบอกว่าอานุภาพแห่งพุทธคุณช่วยพาพวกมันให้หลุดพ้นไปได้ หมอผีมองพรายหุ่นพยนต์ทั้งสี่อย่างไม่พอใจ
หมอผีบริกรรมคาถา ทำให้ไฟลุกท่วมตัวหุ่นพยนต์ทั้งสี่จนดิ้นอย่างเจ็บปวด หมอผีลงโทษหุ่นพยนต์ทั้งสี่ที่ทำงานง่ายๆไม่สำเร็จด้วยการเผาจนร่างสลายไปต่อหน้ากำนัน บอกกำนันว่า
“เมื่อไอ้พวกนี้เอาไม่อยู่ กูจะปลุกผีทั้งป่าช้าไปล่าพวกมัน!!!”
หมอผีเอามีดหมอออกมาร่ายคาถาแล้วปักมีดลงที่พื้นดินเรียกภูตผีในป่าช้านั้น ลมกระโชกมาพัดเศษใบไม้ปลิวว่อน ผืนดินเหนือหลุมศพสะเทือน บรรยากาศในป่าช้าเปลี่ยนไปทันที
คืนเดียวกัน เจ้าอาวาสสนทนาและให้พรกับจางวางพ่วง เพียร พิกุล สุด และอ่ำ ทุกคนพนมมือรับพร
“เมื่อสิ้นสุดธุระทางโลกของโยมแล้วก็ขอให้ละความอาฆาตพยาบาทใดๆไว้ ณ ที่นี้” ท่านมองหน้าพิกุล “อาตมาขอบิณฑบาต เพื่อที่จิตวิญญาณของโยมจะได้ไปจุติในภพภูมิอันสว่าง สงบ ด้วยเถิด”
จางวางพ่วงมองหน้าเพียรอย่างรับพร ก็พอดีอัปสร กับสินธรกลับมาจากเอาตุ๊กตาไปทิ้งน้ำเข้ามากราบเจ้าอาวาส สุดเห็นอัปสรก็น้ำตาร่วงเพราะกำลังจะจากกัน เจ้าอาวาสจึงให้อัปสรกับสินธรเข้าไปในโบสถ์ก่อนพวกจางวางนั่งพนมมืออยู่นอกโบสถ์แต่พิกุลไม่พนมมือเหมือนไม่รับส่วนบุญนี้ เพียรบอกพิกุลฟังหลวงพ่อให้ดี วางความอาฆาตพยาบาทที่มีต่อคุณหลวงลงเสียเถิด ครู่หนึ่งได้ยินเสียงสวดมนต์จากในโบสถ์ พิกุลมองพ่อกับแม่สีหน้าเด็ดเดี่ยว ส่ายหน้าบอกว่า
“มีแต่การชดใช้เท่านั้นที่จะปลดปล่อยฉันได้”
เพียรเรียกพิกุลเสียงอ่อนอย่างขอร้อง แต่พิกุลสีหน้าเด็ดเดี่ยว ครู่หนึ่งพิกุลก็หายตัวไป
ขณะสวดมนต์กันอยู่ มีแสงสว่างเรืองที่นอกโบสถ์ อัปสรมองไปเห็นสุดกำลังมองมาน้ำตารื้น อัปสรนึกว่าตนตาฝาด เสียงสุดแว่วมาว่า “ชาติหน้าฉันใด ขอให้เอ็งกับข้าได้เกิดเป็นแม่ลูกกันอีกนะนังเอื้อย”
อัปสรงงๆกับชื่อเอื้อย ไม่ทันไรสุดก็ยิ้มให้แล้วทั้งหมดก็สลายตัวไป อัปสรคิดว่าตัวเองตาฝาด หันมองเจ้าอาวาส ท่านมองกลับมาด้วยความเมตตา










