ตอนที่ 12
กรุงเทพฯ ในปีพุทธศักราช 2560
พิกุลเกิดใหม่เป็นระรินสาวสวยภัณฑารักษ์ฝีมือดีที่รับงานมาทำมิวเซียมให้พิชิตชัยหรือเจ้าคุณพิชัยในอดีตชาติ และพิชิตชัยก็มีลูกชายคือวิลิตที่อดีตชาติคือหลวงราช
ระรินอยู่ในร้านกาแฟ “Rarin” เธอได้รับโทรศัพท์ บอกว่ากำลังจะออกจากร้านแล้ว พลางเก็บโน้ตบุ๊กจะออกไป พอดีวิลิตเข้ามาบอกเตยพนักงานในร้านว่าตนโทร.มาสั่งกาแฟไว้ เตยหยิบกาแฟส่งให้บอกว่าเพิ่มน้ำเชื่อมทางด้านโน้นได้เลย วิลิตเดินไปเป็นจังหวะเดียวกับที่ระรินสะพายกระเป๋าโน้ตบุ๊กลุกขึ้น เลยชนศอกวิลิตจนกาแฟกระฉอกรดเสื้อวิลิต
ระรินขอโทษหยิบกระดาษมาเช็ดเสื้อให้ วิลิตชะงักเมื่อเห็นหน้าระรินชัดๆ อุทานอย่างดีใจมากว่า
“ใช่คุณจริงๆด้วย ผมรอคุณอยู่ตั้งนานรู้ไหม”
ระรินมองงงๆว่ารอตนหรือ “ครับ...ผมขอทราบชื่อคุณได้ไหมครับ” ระรินชะงักบอกว่าตนจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการซักแห้งให้ สั่งเตยให้ช่วยดูแลลูกค้าแทนตนด้วยแล้วขอตัว วิลิตรีบบอก “ผมรอคุณอยู่จริงๆนะครับ ไม่ใช่มุกจีบสาว”
ระรินงงๆ วิลิตบอกว่าเราเคยเจอกันที่บ้านพิชัยเดชาจำได้ไหม ระรินจึงนึกออก วิลิตร่ายยาวทันทีว่าตั้งแต่เจอกันวันนั้น ตนก็เชื่อว่าสักวันจะต้องได้เจอเธออีก
แล้วก็ได้เจอ เหมือนเรามีวาสนาต่อกัน ตนอยากทำความรู้จักเธอ ระรินบอกว่าถ้ามีวาสนาต่อกันจริงเขาก็ต้องรู้ชื่อตนโดยไม่ต้องบอกจริงไหม แล้วขอตัวทันที
การสื่อสารกันในยุคปี 2560 นั้น ตรงไปตรงมาเปิดเผยและรวดเร็ว เมื่อระรินขอตัวไป วิลิตตามติดเรียก “คุณระริน!!!” ระรินหยุดมองถามว่ารู้ชื่อตนได้ยังไง
วิลิตกดรีโมตเปิดรถตัวเองที่จอดอยู่ใกล้กับรถระริน แล้วเปิดลิ้นชักหยิบที่คั่นหนังสือดอกปีบส่งให้ ระรินยิ้มเจื่อนขอบคุณ บอกว่าตนคงทำหล่น
วิลิตถามว่าดอกไม้แห้งในที่คั่นหนังสือคือดอกอะไร พอระรินบอกว่าดอกปีบ เขาก็บอกว่าตนคงต้องหามาปลูกเสียแล้ว เพราะดอกปีบทำให้เรามีวาสนาต่อกัน
“วาสนาเป็นนามธรรมค่ะ ขอตัวนะคะ” ระรินเดินไปขึ้นรถเลย
“แต่รักแรกพบเป็นความจริงนะครับ” วิลิตยิ้มกริ่มมองตามระรินไปอย่างไม่ยอมแพ้
ฝ่ายระรินทำเชิดเดินไปขึ้นรถแล้วก็หัวใจเต้นแรง ยิ้มหน้าแดง ถามตัวเองว่ายิ้มทำไมนักหนาเนี่ย แล้วระรินก็ได้รับโทรศัพท์ เธอถามปลายสายอย่างดีใจมากว่า “จริงเหรอคะ...”
ooooooo










