ตอนที่ 11
ครู่ต่อมาชาลีกับทรงศิริเชิญภาธรไปชำระความที่ห้องโถงของบ้าน หาว่าเขาไม่ให้เกียรติคิดจะกอดปล้ำหลานสาวของพวกตน เขาแก้ตัวว่าไม่ได้จะทำมิดีมิร้ายอะไร เห็นเธอตกน้ำก็เลยเข้าไปช่วย
“เป็นสุภาพบุรุษหน่อยภาธร หลานฉันไม่ใช่ผู้หญิงระดับล่างๆที่เธอจะทำอะไรก็ได้” ชาลีตำหนิ
ผีเจ้าฟ้าทิพฉายสะกดจิตชาลีกับทรงศิริให้เอาเรื่องภาธรให้รับผิดชอบในสิ่งที่เขาทำกับเธอ ทั้งคู่แววตาเปลี่ยนเป็นกระด้างเพราะถูกอำนาจสะกดจิตของผีร้าย ทรงศิริสั่งให้ภาธรขายเรือนไทยที่หนองพรายให้ หรือไม่ก็ยกให้ปริตตาฟรีๆ และยังบังคับให้เขาแต่งงานกับเธอเพื่อแสดงความรับผิดชอบ
“ไม่นะครับ คุณเห็นแค่นั้นจะตัดสินเรื่องทั้งหมดไม่ได้ ปริตตาตกน้ำผมแค่ลงไปช่วย ผมไม่ได้ทำอะไรผิด”
“น่าอาย นี่เหรอลูกชายคุณหลวงไพรัช” ทรงศิริต่อว่าไม่เลิก
“ถ้าเธอไม่รับผิดชอบสิ่งที่เธอทำวันนี้ ฉันจะถือว่าเธอหยามศักดิ์ศรีครอบครัวฉัน อยากให้ผู้ใหญ่ต้องผิดใจกันเพราะเธอคนเดียวหรือไงภาธร” ชาลีช่วยบีบภาธรอีกแรงหนึ่งทำให้เขาอึดอัดใจมาก...
ระหว่างที่ภาธรถูกเล่ห์กลของผีเจ้าฟ้าทิพฉายเล่นงาน ทินเทพพยายามนั่งสมาธิหวังจะติดต่อกับวิญญาณปริตตาแต่ทำไม่ได้เพราะจิตไม่นิ่งพอ หวนคิดถึงแต่ความหลังเมื่อครั้งมีความสุขกับเธอ เขาลืมตาขึ้นมองไปที่พระประธานบนโต๊ะหมู่บูชาสีหน้าเศร้าสร้อย
“ผมคิดถึงแต่น้องหนูไม่มีสมาธิแบบนี้ผมจะติดต่อน้องหนูได้ยังไง คุณปู่ครับช่วยผมด้วย”
จิตของคุณหลวงไพรัชปรากฏขึ้นด้านหลังทินเทพ บอกให้ก้มกราบพระใหม่ เขาถึงกับสะดุ้งโหยงมองไปรอบๆแต่ไม่เห็นใคร คุณหลวงสอนเพิ่มเติมอีกว่าการฝึกภาวนาอย่าใจร้อน ถ้าอยากเห็นจะไม่ได้เห็น ปล่อยใจให้ว่างก่อน ชายหนุ่มมีกำลังใจขึ้นมาทันที ก้มกราบพระอีกครั้งตามที่ท่านบอก แล้วหลับตานั่งขัดสมาธิท่องคำว่า “พุทโธ” ตามที่คุณหลวงพูดเพื่อกำหนดลมหายใจ โดยมีท่านนั่งลงใกล้ๆคอยให้คำแนะนำ...
ด้านภาธรกลับถึงบ้านตัวเองด้วยความหงุดหงิดที่ชาลีกับทรงศิริบังคับให้แต่งงานกับปริตตา โยนกระเป๋าสะพายกับกุญแจรถลงบนโต๊ะเสียงดังโครมคราม ทัดโผล่หน้าเข้ามากระเซ้าวันนี้พายุลูกใหญ่เข้าหรือ เขาไล่ให้ไปปิดประตูรั้วให้เรียบร้อยแล้วไปนอนได้เลย พ่อบ้านเห็นเจ้านายหนุ่มท่าทางหัวเสียรีบถอยออกมา อารามรีบร้อนไม่ทันดูทางถอยเตะเสาบ้านร้องโอ๊ยลั่น ภาธรหันขวับไปมอง ทัดทำตลกเอาขาอีกข้างเตะเสา










