ตอนที่ 13
“ว่าไงนะ” ดาญ่าโกรธที่แม่เลี้ยงพูดเอาแต่ได้ ประกาศกร้าวบัญชีธนาคารและข้าวของในตู้เซฟเป็นของที่พ่อกับแม่เก็บไว้ให้เธอ ไม่มีวันให้ผีตายอดตายยากอย่างวัชรีกับพวกได้แตะต้องเด็ดขาด วัชรีขู่ถ้ายังดื้อด้านเก็บของเหล่านั้นไว้อีก สาบานว่าหากได้มรดกเมื่อไหร่จะทุบเรือนผีสิงนั่นทิ้ง
นันทิยายุส่งทุบยังน้อยไปควรจะเผาทิ้งไม่ให้เหลือซาก แล้วเอาหมอผีมาจับวิญญาณพ่อแม่ของดาญ่าลงหม้อถ่วงน้ำไม่ต้องไปผุดไปเกิด ดาญ่าไม่พอใจ ลุกพรวดทุบโต๊ะปัง นันทิยาทำบ้างพลางจ้องอย่างเอาเรื่อง คนทั้งร้านหันมองสองสาวเป็นตาเดียวกันรวมทั้งอารยะกับเนตรสุดาด้วย รังสรรค์ต้องปรามน้องสาวให้คุยกันดีๆอย่ามามีเรื่องต่อหน้าคนอื่น แล้วหันมาขอร้องดาญ่าให้ใจเย็นๆนั่งลงก่อน เธอไม่นั่งมองวัชรีอย่างท้าทาย
“คงฝันหวานสินะว่าจะสามารถฮุบสมบัติทุกอย่าง ที่พ่อแม่ฉันสร้างไว้ได้หมด”
“แน่นอนเธอฝันร้ายแน่ นังดาญ่า” วัชรีกร้าวใส่
“เดี๋ยววันเปิดพินัยกรรมก็รู้ว่าใครกันแน่ที่จะฝันร้าย” พูดจบดาญ่าเดินออกจากร้าน
เทวัตที่ซุ่มอยู่อีกมุมหนึ่งนอกร้าน เห็นเหิมออกจากที่ซ่อนเดินตามดาญ่าไปก็ไม่สบายใจ ครุ่นคิดหนักจะทำอย่างไรดี จะตามไปช่วยเองก็ทำไม่ได้ ขืนพ่อรู้ว่าเขายังไม่เลิกยุ่งกับเธอ ได้ทำร้ายเธอถึงชีวิตแน่นอน...
เหิมตามดาญ่าจนทัน คว้าแขนเธอไว้อ้างมีเรื่องพินัยกรรมจะคุยด้วยแล้วลากเธอไปยังมุมปลอดคน รังสรรค์ วัชรีกับนันทิยาเดินออกจากร้านมาเห็นพอดี รังสรรค์เป็นห่วงดาญ่าจะตามไปดู วัชรีรั้งตัวไว้
“แกจะตามไปทำไม บอกแล้วใช่ไหมว่าแกต้องอยู่ข้างฉัน แกถึงจะได้เงินจากฉันไม่อย่างนั้นก็อดตาย”
รังสรรค์จำต้องหยุด ขณะที่นันทิยามองตามดาญ่าไปอย่างสะใจ...
เมื่อมาถึงมุมปลอดคน เหิมแบมือขอกุญแจตู้เซฟกับบัญชีเงินฝากที่ดาญ่าย้ายไปฝากธนาคาร
แห่งใหม่อย่างหน้าด้านๆ พอเธอไม่ให้ เขาเข้ายื้อแย่งกระเป๋าถือของเธอเพราะคิดว่าในนั้นมีของที่ตัวเองต้องการ ก่อนเหิมจะได้กระเป๋าของเธอไป รปภ.ห้างฯสองคนวิ่งเข้ามาขัดจังหวะเสียก่อน ทำให้เขาแย่งกระเป๋าไม่สำเร็จ ดาญ่าไม่อยากมีปัญหาก็เลย










