ตอนที่ 13
อารยะถามวิจารณ์ว่ามีอะไรจะเพิ่มเติมอีกไหม ถ้าไม่มีเชิญท่านลงชื่อได้เลย วิจารณ์เซ็นชื่อเสร็จ อารยะรับไปเซ็นต่อในฐานะพยาน ท่านเศรษฐีมองเทวัตก่อนจะรบกวนให้ช่วยเซ็นเป็นพยานอีกชื่อหนึ่ง
“อย่าพูดว่ารบกวนเลยครับคุณตา ผมยินดีและเต็มใจครับ”
ฤกษ์ที่แอบมองรู้สึกดีไปด้วยที่เห็นเทวัตกับวิจารณ์ส่งความรู้สึกที่ดีให้กัน ยกมือไหว้ท่วมหัว ภาวนาให้เทวัตใช่ลูกของเขาจริงๆด้วยเถิด...
ขณะที่วิจารณ์ไม่ล่วงรู้เลยว่าชายหนุ่มที่ตัวเองรู้สึกดีด้วยคือทายาทเพียงคนเดียวของหนูเล็ก รังสรรค์เดินออกจากธนาคารด้วยอารมณ์เดือดดาลที่เช็คของเหิมขึ้นเงินไม่ได้ หยิบมือถือขึ้นมาโทร.หา แต่เขาไม่รับสายปล่อยให้เสียงเรียกเข้าดังอยู่นั้น วัชรีเข้ามาสวมกอดเขาจากด้านหลัง มองไปที่หน้าจอมือถือที่เป็นภาพของรังสรรค์ก็ยิ้มร้ายกาจ ก่อนกระซิบข้างหูเขาให้จัดการกับมันให้สิ้นซาก
ทางฝ่ายรังสรรค์แค้นมากที่เหิมไม่ยอมรับสายเตะถังขยะระบายอารมณ์ หมายมั่นจะเอาคืนให้สาสม...
ดาญ่ากับเนตรสุดามาถึงบ้านวิจารณ์ตรงตามนัด เทวัตกับอารยะพาสองสาวมาแนะนำให้รู้จักกับเจ้าของบ้าน หลังจากทักทายถามไถ่กันเสร็จ ฤกษ์เข้ามาแจ้งว่าโต๊ะอาหารจัดเสร็จแล้ว วิจารณ์เชิญทุกคนไปกินข้าวกันเลย แล้วลุกนำไปที่ห้องอาหาร ขณะดาญ่าจะเดินตามเห็นใครแวบๆที่บันไดหันขวับไปมองเห็นแค่หลังพี่สาวคุณหนูเรือนเล็กไวๆวิ่งหายขึ้นไปชั้นบน
เทวัตเห็นเหตุการณ์โดยตลอด พอจะเดาได้ว่าเธอเห็นเด็กผมจุกแล้วแต่ไม่พูดอะไร...
ในระหว่างที่มื้อค่ำที่บ้านวิจารณ์อบอวลไปด้วยความสุขและเสียงหัวเราะ แม่บ้านของโรงแรมเปิดห้องพักของจักรินเข้ามาเพื่อจะทำความสะอาด ต้องตกใจแทบสิ้นสติที่พบร่างไร้วิญญาณของเขานอนตายตาเบิกโพลง...
เหมือนมีลางส่งถึงกัน วิจารณ์กำลังจะยกแก้วน้ำชาขึ้นจิบ อยู่ๆหูแก้วหลุด แก้วชาตกแตก ฤกษ์เข้ามาช่วยเก็บแก้วที่เหลือกับเศษแก้วออกไป ท่านอดแปลกใจไม่ได้ อยู่ๆแก้วกับหูแก้วแตกออกจากกันได้อย่างไร ดาญ่าตั้งข้อสังเกตว่ามันอาจจะร้าวอยู่ก่อนแล้ว ท่านฝืนยิ้มรับ แต่รู้สึกใจคอไม่ดี...










