ตอนที่ 13
ออกไปให้พ้นจากพ่อแก” สั่งเสร็จเหิมคว้ากระเป๋าเอกสารออกจากห้องแต่พอจะปิดประตู กลับรู้สึกระแวงไม่ไว้ใจ จึงแง้มประตูเอาไว้ คอยแอบฟังอยู่หน้าห้อง...
เป็นอย่างที่เหิมคาดไว้ไม่มีผิด จักรินโทร.เข้าบ้านพ่อหวังจะสารภาพความจริงที่เก็บงำไว้กว่ายี่สิบปีให้พ่อทราบ ระหว่างรอให้แสงดีไปตามท่านมารับสาย เหิมผลักประตูเข้ามา ถามเสียงเข้มว่าคิดจะทำอะไร เขาทนเห็นพ่อทรมานรอคนที่ไม่มีวันกลับมาไม่ได้อีกต่อไป จึงตั้งใจจะสารภาพความผิดกับท่านทุกอย่าง
“แกทำอย่างนั้นไม่ได้นะ วางสายลง” เหิมสั่งอย่างเกรี้ยวกราด จักรินยังคงถือโทรศัพท์ไม่ยอมวาง เหิมจะเข้าไปแย่งเขาลุกหนี อ้างที่ต้องทำอย่างนี้เพราะสงสารพ่อ เหิมพยายามกล่อมให้เขาล้มเลิกความตั้งใจจะสารภาพเรื่องหนูเล็กแต่ไม่สำเร็จ จึงเข้ายื้อแย่งโทรศัพท์กับเขาแย่งกันไปแย่งกันมาข้าวของในห้องล้มระเนระนาด เหิมยอมให้เขาสารภาพไม่ได้ ขืนทำอย่างนั้นได้เข้าคุกกัน
หัวโตแน่ ใช้ท่อนแขนล็อกคอเขาไว้
จักรินหายใจไม่ออกมือไม้อ่อนแรงเลยปล่อยหูโทรศัพท์ร่วงลงพื้น เป็นจังหวะเดียวกับวิจารณ์รับสาย
“ฮัลโหลๆ เจ้าสาม นี่ฉันพูด”
เสียงพ่อที่ดังลอดออกมาจากหูโทรศัพท์ทำเอาจักรินน้ำตาร่วง พยายามจะหยิบหูโทรศัพท์แต่เหิมล็อกคอแน่นขึ้นอีกไม่ยอมให้คว้าถึง เขาพยายามส่งเสียงให้พ่อได้ยินแต่ทำไม่ได้เพราะคอถูกล็อกไว้ รวบรวมกำลังเฮือกสุดท้ายดึงแขนเหิมออกแต่ถูกทนายชั่วกระชากตัวไว้สุดแรงล้มหงายหลังหัวกระแทกกับเหลี่ยมโต๊ะอย่างแรงกระจกโต๊ะแตกเป็นเสี่ยงๆ ร่างเขาสะดุ้งเฮือกตาเบิกกว้างแน่นิ่งไปเลย...
วิจารณ์ส่งเสียงฮัลโหลไปหลายครั้งแต่ปลายสายเงียบไม่มีเสียงตอบ ฤกษ์ที่ยืนอยู่ด้วยตั้งข้อสังเกตว่า
สายคงหลุดไปแล้ว เดี๋ยวทางโน้นคงโทร.มาใหม่
“สายไม่หลุดแต่มันไม่พูด มันโทร.มาแล้วทำไมไม่พูด” วิจารณ์วางสายรู้สึกใจคอไม่ดี...
ทางด้านเหิมยันตัวเองลุกขึ้นพบว่าจักรินมีเลือดไหลนองพื้นหมดลมหายใจไปต่อหน้า เขาถึงกับผงะปากคอสั่นพร่ำพรรณนาว่าไม่ได้ตั้งใจจะฆ่าเพื่อน ยืนสติแตกอยู่พักหนึ่ง ก็รวบรวมสติได้ รีบหาผ้ามาเช็ดรอยนิ้วมือของตัวเอง
โดยไม่ลืมเก็บผ้าไปด้วย แล้วค่อยๆเปิดประตูห้องออกมาเห็นโถงทางเดินว่างรีบออกจากห้อง ทิ้งศพจักรินไว้ในนั้น น่าประหลาดที่เขาตายในสภาพเดียวกับหนูเล็กไม่มีผิดเพี้ยน
ooooooo
วิจารณ์รอจนมืดค่ำไม่มีวี่แววจักรินจะโทร.กลับมาหาก็เลยเลิกรอ สงสัยจักรินคงอดทนรอสายท่านไม่ไหวเหมือนกับที่เขาจะฟ้องเอาสมบัติ










