ตอนที่ 13
“การเปิดพินัยกรรมไม่ใช่เรื่องเล็กๆเพราะมันหมายถึงการเปลี่ยนอนาคตของเราทั้งคู่ไปตลอดกาลนะคะ วัชรีคิดว่าเราควรจะได้ทานข้าว เจอหน้านั่งคุยกันสักครั้งตามประสาแม่เลี้ยงลูกเลี้ยงก่อนที่จะถึงวันเปิดพินัยกรรม” พูดพลางวัชรีมองสบตาเหิมที่นั่งฟังอยู่ด้วยอย่างมีแผน...
เทวัตตกใจมากเมื่อรู้จากอารยะว่าดาญ่ารับนัดกับวัชรี ต่อว่าเพื่อนรักทำไมถึงปล่อยให้เธอทำอย่างนั้น เธออาจจะไม่ได้เจอแค่วัชรีเท่านั้น พ่อของเขาอาจไปด้วยก็ได้จึงวางแผนกับอารยะเพื่อตามไปช่วยเหลือเธอ
ooooooo
ถึงเวลานัดวัชรีไม่ได้มาที่ร้านอาหารคนเดียว เหน็บนันทิยากับรังสรรค์มาด้วยโดยที่ฝ่ายหลัง
ไม่ล่วงรู้เลยว่านัดดาญ่าไว้ แถมเหิมยังมาซุ่มโป่งอยู่หน้าร้านเผื่อดาญ่าจะมีกองหนุนอย่างเทวัตตามมาช่วย รังสรรค์ขอบคุณวัชรีมากที่โทร.ตามตัวเองมากินข้าวด้วย กำลังหาคนเลี้ยงอยู่พอดีและที่สำคัญตนคิดถึงท่านมาก นันทิยาแขวะทันที
“แหม มาทำลิ้นยาวเลียแบบนี้พี่คิดได้แล้วใช่ไหมว่าต้องอยู่ข้างคุณน้าแล้วเอาตีนเขี่ยนังดาญ่าทิ้งไป”
รังสรรค์ไม่สนใจคำพูดของน้องสาวหันไปอ้อนวัชรีว่าอยากจะขอยืมเงินท่านสักสองสามแสนบาท เงินเดือนออกจะรีบเอามาคืน วัชรีที่ไม่ปลื้มหลานชายคนนี้อีกแล้ว บอกปัดหน้าตาเฉยว่าไม่มีเงินให้ยืม ตั้งแต่ภิมุขตายท่านมีเงินรายเดือนที่โอนจากบัญชีตามคำสั่งของภิมุขก่อนตายให้ใช้เหมือนกับเขา ต้องกระเบียด
กระเสียรจะแย่ แต่อีกไม่กี่วันจะถึงวันเปิดพินัยกรรมแล้ว ถ้ารังสรรค์อยากได้เงินอย่าว่าแต่เป็นแสนเลย เป็นล้านเธอก็ให้ได้
“แต่แกต้องพิสูจน์ว่าแกยืนข้างฉันซะก่อน”
“ผมต้องพิสูจน์อย่างไรอีกล่ะ” รังสรรค์พูดไม่ทันขาดคำ ดาญ่าเปิดประตูร้านเข้ามา นันทิยาพยักพเยิดให้เขาดูว่าโน่นไงบทพิสูจน์ของเขา รังสรรค์มองตามสายตาน้องสาวเห็นดาญ่าเดินตรงมาทางโต๊ะที่ตัวเองนั่งถึงกับอึ้ง เมื่อเธอมาถึง เขาลุกขึ้นทำตัวเป็นสุภาพบุรุษ เชิญให้เธอนั่งข้างๆ พร้อมกับขยับเก้าอี้ให้ นันทิยาหมั่นไส้
“พี่สรรค์เราคุยกันแล้วนะ”










