ตอนที่ 11
เอมอรลากพิมพ์ชนกมาที่หน้าห้องพักพื้นไล่ตะเพิดไปให้พ้นอย่ามายุ่งกับลูกของตนอีก เธอไม่ได้มายุ่งแค่อยากช่วยดูแลเขา เอมอรตวาดแว้ดว่าไม่ต้อง พยาบาลคนอื่นมีเยอะแยะไม่จำเป็นต้องพึ่งเธอ ต่อไปอย่าเข้าใกล้ลูกชายของตนอีกจำเอาไว้ แล้วเดินกลับเข้าห้องไม่สนใจพิมพ์ชนกอีก เธอถอนใจเครียดเป็นห่วงธนาคิม...
ธนาคิมได้ยินเสียงแม่กลับมาที่ห้องคนเดียว
พิมพ์ชนกไม่มาด้วยก็ถามหา ท่านไล่เธอไปแล้วไม่อยากเห็นหน้าคนที่ทำให้ลูกต้องเป็นอย่างนี้ เขาแก้ต่างว่าไม่ใช่ความผิดของเธอ ที่เขาเป็นอย่างนี้เพราะความซวยของเขาเอง หรือไม่ก็อาจเป็นเพราะเขาต้องชดใช้กรรมให้เธอ เอมอรขอร้องอย่าพูดอะไรแบบนี้อีก
“ไม่เอาๆ เลิกพูดถึงผู้หญิงคนนี้สักที อย่าลืมว่าลูกมีคู่หมั้นแล้ว แล้วหนูเขมเขาก็รักลูกมาก นี่ลูกรู้ไหมหนูเขมอยู่เฝ้าลูกหน้าห้องทั้งคืนเลยนะจ๊ะ พรุ่งนี้เห็นว่าจะมาเยี่ยมแต่เช้าด้วย”
“ครับ...ไอ้เอก ฉันง่วงแล้วแกช่วยที”
เอกรัฐกุลีกุจอเข้าไปปรับเตียงให้ราบ แล้วห่มผ้าให้เพื่อนรัก
ooooooo
หมอตามาตามดูผลการผ่าตัดตาของธนาคิม แผลสะอาดดีไม่มีติดเชื้อ แต่ถ้าดวงตามีอาการแดงผิดปกติ ขี้ตาแยะหรือตาบวมต้องรีบบอกหมอ เพราะเป็นสัญญาณเตือนว่าตาอาจติดเชื้อ
“แล้วผมจะกลับบ้านได้เมื่อไหร่ครับ”
“หมอขอดูให้แน่ใจอีกสักวันสองวัน ถ้าไม่มีอะไรคนไข้อยากกลับก็กลับได้เลยครับ” ว่าแล้วหมอออกจากห้อง เอมอรยิ้มดีใจที่ลูกจะได้กลับบ้าน ทิพย์อาภากับเขมจิราที่มาเยี่ยมจำต้องยิ้มตาม เอมอรเดินไปหาลูก
“มีน้องเขมมาเยี่ยมกำลังใจดีแบบนี้อีกไม่กี่วันพี่คิมต้องหายแน่ๆเลยนะลูก” เอมอรหันไปยิ้มให้เขมจิราอย่างเอ็นดู เธอยิ้มเจื่อนๆก่อนจะมองหน้าคู่หมั้นที่ตอนนี้กลายเป็นคนพิการตาบอดอย่างหนักใจ...
เพื่อให้ลูกได้นอนพัก เอมอรชวนสองแม่ลูกมานั่งดื่มกาแฟที่ร้านกาแฟชั้นล่าง บ่นให้ฟังว่าพิมพ์ชนกยังตามมาวุ่นวายกับธนาคิมไม่เลิกจนตนต้องลากออกจากห้องแม่นั่นถึงได้ยอมกลับ ทิพย์อาภาด่าลูกเลี้ยงตัวเองว่าหน้าด้าน ทำความเดือดร้อนให้ขนาดนี้แล้วยังมีหน้ามาให้เห็นอีก
“ทำเป็นบอกว่าจะมาช่วยดูแลตาคิม แต่ฉันไม่เชื่อใจหรอก กลัวจะมาทำให้ตาคิมไขว้เขวอีกมากกว่า”










