ตอนที่ 11
เช้าตรู่วันใหม่อานนท์ยืนอยู่ริมแม่น้ำที่ต่างจังหวัด คิดถึงเรื่องราวความรักระหว่างตัวเองกับเขมจิรา ตั้งแต่รักกัน เป็นของกันและกัน กระทั่งถึงวันที่เธอโกหกแม่ว่าเขาข่มขืน ความเจ็บปวดจากความรักครั้งนี้ทำให้เขาทำงานผิดพลาดทั้งที่ไม่เคยเกิดขึ้นในชีวิตการเป็นหมอจนต้องถูกพักงาน
เสียงระฆังจากวัดดังก้องกังวานปลุกเขาให้ตื่นจากภวังค์ หันมองตามเสียงเห็นยอดโบสถ์สีทองต้องแสงอาทิตย์ยามเช้าดึงดูดให้เขาตรงรี่ไปที่นั่น ความสงบร่มรื่นของวัดทำให้จิตใจของอานนท์พลอยสงบไปด้วย
พลันมีเสียงพูดดังขึ้นด้านหลัง “การอกหักเป็นสิ่งพิสูจน์ว่าความรักทำให้เกิดทุกข์”
อานนท์หันมองตามเสียงเห็นพระรูปหนึ่งดูน่าเลื่อมใสกำลังเทศนาให้ญาติโยมผู้ปฏิบัติธรรมฟังอยู่
“ความรักมีอยู่สองแบบ รักแบบเมตตาคือปรารถนาให้เขามีความสุข กับรักแบบราคะ ก็คือปรารถนาให้เขามาทำให้เรามีความสุข ก่อนอื่นให้สำรวจตัวเองว่าเรารักเขาแบบไหน รักแบบเมตตาหรือรักแบบราคะ”
คุณหมอหนุ่มสนใจจึงเดินไปนั่งกับพื้น กราบหลวงพ่อแล้วนั่งฟังเทศน์พร้อมกับญาติโยมคนอื่น หลวงพ่อเทศน์อีกว่า คนเราควรรักให้เป็น คือพัฒนาให้ตัวเองมีความรักแบบมีเมตตา
“ถ้ารักแบบราคะมันก็จะเป็นเหตุผลให้เราเกิดความทุกข์เสมอ เพราะไม่มีใครอยู่กับเราตลอดไป แม้เขาจะรักเรามากแค่ไหนสักวันก็ต้องมีเหตุให้ใครคนใดคนหนึ่งจากไป ไม่เราจากเขาก่อน หรือเขาจากเราก่อนเราก็จะมีความทุกข์เกิดขึ้นมาทันที เพราะว่าเราฝากความสุขไว้กับคนอื่น เมื่อเขาเสื่อมไป สลายไป เปลี่ยนแปลงไปเราก็จะเกิดทุกข์ เพราะฉะนั้นจงรักอย่างมีเมตตา... เจริญพร” ท่านเทศน์จบอานนท์และญาติโยมก้มลงกราบ...
ธนาคิมเริ่มหงุดหงิดที่ตามองไม่เห็น ไม่ยอมกินอาหารที่แม่ป้อนให้อ้างอิ่ม ทิพย์อาภากับเขมจิรามาเยี่ยมพอดี เอมอรก็เลยฟ้องว่าเขางอแงไม่ยอมกินข้าว วานเขมจิราป้อนเขาหน่อย เธออึกอักเกิดมาไม่เคยทำ ธนาคิมส่ายหน้าไม่เอาเกรงใจน้อง
“เกรงใจอะไรกันลูก น้องเป็นคู่หมั้นของลูกนะ อีกไม่นานก็ต้องแต่งงานใช้ชีวิตด้วยกันต้องทำความคุ้นเคยกันไว้มากๆสิ เธอว่าจริงไหมทิพย์”
ทิพย์อาภาจำต้องเออออไปด้วยแล้วส่งสายตาให้ลูกรับถ้วยข้าวจากเอมอรมาป้อนธนาคิม เขมจิราจำใจป้อนข้าวให้เขา ด้วยความที่ไม่เคยทำมาก่อนทำให้น้ำจากช้อนหกใส่มือที่รองใต้คาง เธอขยะแขยงมากชักมือหนี หยิบทิชชูมาเช็ดมือแรงๆเนื้อแทบหลุด เอมอรพอมองออกว่าเขมจิรารังเกียจแต่ไม่พูดอะไร เธอรู้สึกตัวก็โกหก










