ตอนที่ 1
ผ่านไปถึงบ่ายสามโมงน้ำหนึ่งยังคงหลับยาว ทรงกลดเดินเข้ามาวางสิ่งของลงบนโต๊ะรับแขกแล้วนั่งบนโซฟา วางมือทาบที่หน้าผากและข้างแก้มน้ำหนึ่ง
“ไม่สบายเหรอเดียว”
หญิงสาวงัวเงียพูดพึมพำและปัดมือใหญ่นั้นทั้งที่ยังหลับตา “อย่ายุ่ง! คนจะนอน!”
เขาหัวเราะเบาๆ ก้มลงจูบแก้มเธอ น้ำหนึ่งรู้สึกตัวลืมตาแล้วต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อเห็นใบหน้าชายหนุ่มห่างไม่ถึงคืบ เธอย่อเข่าขึ้นถีบสุดแรงจนเขาซึ่งไม่ทันระวังตัวตกลงไปจากโซฟาร้องโอ๊ย!
น้ำหนึ่งผุดลุกขึ้นส่งเสียงตกใจ “เฮ้ย! แกเป็นใคร”
“อูยย...นี่ไม่สบายขนาดถีบสามี จำสามีไม่ได้เหรอ”
เธอจ้องเขาเขม็งพลางทบทวนเรื่องราวด้วยสีหน้างุนงง
“พี่แบมโทร.บอกเอ๋ยตั้งแต่เมื่อเช้าว่าเดียวไม่สบาย เอ๋ยห่วงแทบแย่ โทร.มาเท่าไหร่เดียวก็ไม่รับ เลยตัดสินใจลากลับมาก่อน”
เธอยังคงมองหน้าเขาอย่างเพ่งพิศแกมระแวดระวัง
“ไม่สบายทำไมไม่โทร.มาบอกเอ๋ย”
น้ำหนึ่งรู้สึกตัวตอบตะกุกตะกัก “เออ...ใช่! ฉัน...ฉันไม่สบาย”
“ไม่สบายเป็นอะไร” เขาเดินเข้ามาใกล้ เธอรีบถอยห่าง แกล้งบ่นปวดหัวและไอค่อกแค่กเพื่อยันยันว่าตัวเองไม่สบายจริง แต่พอเขาบอกจะพาไปหาหมอ เธอก็สวนทันควัน
“ไม่ต้อง! เดี๋ยวหมอติดไข้...หมอก็ไม่สบายได้เหมือนกันใช่ไหมล่ะ เป็นมนุษย์ปุถุชนเหมือนกันนี่ เราก็ต้องแยกห้องด้วยเหมือนกัน ฉันจะไปนอนห้องอาม่า นี่ฉันหวังดีกลัวคุณติดไข้ไง ดีไหมล่ะ”
ทรงกลดมองเธออย่างประหลาดใจ แต่เธอทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ แกล้งสำลักกระอักกระไอ แล้วในที่สุดก็ได้ไปนอนห้องอาม่าสมดังใจ แต่อาม่าไม่ค่อยชอบใจ ถามว่า
“แล้วอาจังเอ๋ยเขาไม่ว่าอะไรเรอะ”
“จะว่าได้ยังไงคะ เดียวก็บอกว่าเดียวไม่สบายแล้วก็ไอค่อกแค่กไอกระด๊อกกระแด๊ก...กลัวติดหวัดเหมือนกัน” ว่าแล้วก็ลงนอนหันมาทางอาม่า ถามว่าอาม่าเชื่อตนหรือเปล่า
“เชื่อเรื่องอะไร”
“ก็ที่เดียวบอกว่าเดียวข้ามเวลามา 3 ปี”
“อาเดียวเอ๊ย...”
“เดียวรู้ว่ามันเชื่อยาก แต่มันก็เป็นไปแล้วจริงๆ เดียวไม่รู้ว่าจับพลัดจับผลูแต่งงานกับไอ้...” เธอหยุดกึก เพราะอาม่าจ้องหน้า “ขอโทษค่ะ แต่ตัวนายคนนั้นโตยังกับหมีควายจริงๆ”
“เขาเป็นสามีของเรา เราต้องให้ความเคารพตามสมควร แล้วอาจังเอ๋ยอีก็เป็นคนดี”
“แต่เดียวยังมองไม่เห็นเลยค่ะ” พูดจบเธอหลับตาลง
เวลานั้นทรงกลดหรืออาจารย์เอ๋ยยังนั่งถ่างตาเตรียมการสอนอยู่ในห้องของภรรยา...ยดาหรือยิ้ม เพื่อนรุ่นน้องของน้ำหนึ่ง โทร.เข้ามาทักทายเขาอย่างสนิทสนม
“สวัสดีค่ะอาจารย์เอ๋ย ยิ้มจะ โทร.มาถามว่าเดียวเป็นยังไงบ้างคะ เห็นว่าไม่สบาย”
“ก็ยังไออยู่ครับ ขอบคุณที่เป็นห่วง”
“โถ...ยิ้มน่ะห่วงเดียวม้ากมากค่ะ แต่เดียวเขาไม่ค่อยเข้าใจ...ไม่เป็นไรค่ะ ยิ้มไม่ถือ”
ทรงกลดไม่รู้จะพูดอะไร และเริ่มอึดอัดกับน้ำเสียงและคำถามของอีกฝ่าย
“อาจารย์เอ๋ยทำอะไรอยู่คะ”
“ออกข้อสอบครับ”
“ยากไหมเอ่ย”










