ตอนที่ 11
ดาญ่าร้อนใจซักเป็นการใหญ่ว่าเห็นหรือเปล่าว่าพินัยกรรมเขียนไว้อย่างไร เทวัตอ่านคร่าวๆได้ความว่าฉบับหนึ่งภิมุขยกมรดกทุกอย่างให้เธอ แต่อีกฉบับ
ท่านยกทรัพย์สมบัติทั้งหมดให้วัชรี ดาญ่าของขึ้นทันที ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าฉบับหนึ่งเป็นพินัยกรรมจริง ส่วนอีกฉบับต้องเป็นของปลอม แล้วฉบับปลอมต้องเป็นฉบับที่พ่อของเธอยกมรดกให้ยัยแม่เลี้ยงทั้งหมด เทวัตโพล่งขึ้นอย่างเหลืออด
“ต้องเป็นพ่อผมนั่นแหละที่เป็นคนทำพินัยกรรมปลอมขึ้นมา”
“เลว ที่พ่อคุณทำมันยิ่งกว่าโจรปล้นฆ่าเขากินซะอีก ฉันคิดไม่ถึงเลยว่าพ่อของคุณจะเนรคุณครอบครัวฉันได้ถึงขนาดนี้” ดาญ่าด่าด้วยอารมณ์พลุ่งพล่าน ครั้นเห็นสีหน้าสะเทือนใจของเทวัตก็รู้สึกแย่มากๆที่ระบายอารมณ์ใส่เขา ยื่นมือไปแตะแขนเขาขอโทษที่พูดไม่ดีใส่ ทั้งที่เขาอุตส่าห์เอาเรื่องนี้มาบอก
“ไม่ต้องห่วงนะครับถึงผมจะกลับไปหาคุณไม่ได้อีก แต่ถ้ามีทางไหนที่ผมสามารถทำได้เพื่อเรียกความยุติธรรมกลับมาคืนคุณ ผมจะทำทุกอย่างครับดาญ่า”
“ฉันควรจะดีใจใช่ไหม อย่างน้อยก็ได้คุณกลับ
คืนมาในฐานะเพื่อนที่ห่วงใยฉัน” ดาญ่าจำใจชักมือกลับ...
ขณะเดียวกัน เสียงเคาะประตูห้องพักทำให้จักรินที่นั่งดื่มเหล้าคนเดียวสะดุ้งโหยง หันรีหันขวางหาตัวช่วยเห็นมีดปอกผลไม้วางอยู่คว้าขึ้นมาได้ปรี่ไปที่ประตู
ส่องที่ช่องตาแมวพอเห็นคนเคาะคือเหิมก็ถอนใจโล่งอกรีบเปิดประตูรับ เหิมเห็นมีดในมือเพื่อนถึงกับร้องเอะอะทำไมต้องถือมีดด้วย เขาสั่งไม่ให้ถามมากความรีบดึงตัวเหิมเข้าห้องปิดประตูล็อกกลอน ทนายความขี้ฉ้อต่อว่าเขาว่าเมาจนเพี้ยนหรืออย่างไรถึงถือมีดเดินไปเดินมา
จักรินเล่าเรื่องที่ฤกษ์ตามเขามาถึงโรงแรมให้ฟัง ขู่บังคับให้บอกว่าเอาลูกชายของมันไปไว้ไหน เหิมร้อนใจเขย่าไหล่สองข้างของเขา หวังว่าเขาจะไม่ได้บอกมันว่าลูกของมันอยู่กับตน
“ฉันไม่มีวันบอกมันหรอกเว้ย มันกับลูกจะต้องพลัดพรากจากกันไปจนวันตายของพวกมัน เหมือนที่มันเคยพรากหนูเล็กไปจากครอบครัวฉัน”
เหิมปล่อยมือจากจักรินพึมพำว่าโล่งอกไปที จักรินสวนทันทีโล่งอกบ้าอะไรกัน วันนี้ตนเจอไอ้เทวัตนั่งกินข้าวอยู่กับพ่อของตนที่บ้าน ไม่รู้ผีห่าซาตานที่ไหนพามันไปที่นั่น ทำให้หลานกับตาเจอกัน แถมไอ้ฤกษ์ก็โผล่มาตามลูกของมันกับตนอีก นี่ตนจะบ้าตายอยู่แล้ว แล้วจิกทึ้งผมตัวเองสติใกล้แตก ก่อนจะหันไปสั่งเหิมต้องหยุดเรื่องนี้ให้ได้
“เฮ้ย อะไรๆก็โยนขี้มาให้ฉันคนเดียว จะให้ฉันหยุดมันยังไงวะ”










