ตอนที่ 15
อ้นพาสุดาวรรณไปถึงสวนของทองเติมแล้ว อ้นในชุดดำก้มกราบพื้นดินแล้วเงยหน้ามองฟ้าน้ำตาไหล สุดาวรรณถามว่าอ้นทำอะไร อ้นบอกว่า “วันนี้วันเผาคุณพ่อครับ” พูดแล้วเดินออกไป
สุดาวรรณหน้าเศร้าไปนิดหนึ่ง ไม่นานก็เปลี่ยนเป็นแค้น พึมพำ “ที่ทุกอย่างมันเป็นแบบนี้ก็เพราะแกคนเดียว ไอ้วศิน!!!”
เมื่อเสร็จงานที่วัดแล้ว ภัสสรชวนหนูดีไปลาเจ้าภาพกัน หนูดีเห็นวินพัตรากับวศินยืนอยู่ด้วยกันก็บอกแม่ว่าตนปวดหัวกลับบ้านเลยดีไหม ภัสสรเห็นวินพัตรากับวศินยืนคุยกันอยู่ก็เข้าใจความรู้สึกของหนูดี เออออว่าเจ้าภาพกำลังวุ่นวายกับแขกอยู่ งั้นเรากลับกันเถอะ
เจ้าพลกาวิลบอกวศินก่อนกลับว่าถ้าว่างแล้วก็ไปจัดการเรื่องที่ดิน เพราะเจ้าของไร่ข้างๆยอมขายให้แล้ว เพราะเห็นว่าทางคุณทองเติมมีปัญหาเรื่องเงิน
“ดีครับ ถ้าที่ดินแปลงใหญ่นั่นขายให้พวกนายทุนต่างชาติไม่ได้ พวกนายทุนก็คงไม่ไปกว้านซื้อที่ดินแปลงเล็กๆจากพวกชาวบ้านอีก ขอบคุณ
นะครับเจ้าที่ช่วยพูดกับเจ้าของที่ให้”
อังกาบขอบคุณเจ้าพลกาวิลบอกว่า “ไว้กลับเชียงรายไปทานข้าวด้วยกันที่ไร่นะคะ”
วินพัตราไหว้ลาอังกาบแล้วหันไปเห็นอินทัชยืนอยู่แถวนั้นก็ยิ้มลา อินทัชยิ้มตอบอย่างเข้าใจกัน
พวงมณีที่ยืนอยู่ข้างอังกาบพูดขึ้นว่า “แหม...
หนูน้อยนี่น่ารักสมกับวศินจังเลยนะคะคุณภา”
อินทัชได้ยินก็หน้าสลด แต่อังกาบบอกพวงมณีว่า เรื่องนั้นคงต้องแล้วแต่เด็กๆเขา พวงมณีก็ยังไม่วายพูดไปตามประสาว่า “แหม...ชาติตระกูลดีแบบนี้ถ้าไม่ได้กับคนที่คู่ควรนี่เสียดายแย่เลย”
อินทัชได้ยินก็เริ่มเครียด...
ooooooo
อ้อประคองรูปพ่อเดินเศร้าเข้ามาในบ้าน วศินเห็นน้องเศร้ามากจึงเข้าไปถามว่าน้องอ้อโอเคไหม ถ้ามีอะไรให้พี่ช่วยก็บอกได้ อ้อขอโทษวศินแทนแม่ วศินกอดปลอบทำให้อ้อยิ่งร้องไห้โฮอย่างอัดอั้น บอกว่า
“อ้อไม่รู้ว่าตัวเองจะต้องรู้สึกยังไงกับคุณแม่ อ้อควรโกรธแต่ก็โกรธไม่ลง...อ้อไม่เข้าใจเลยว่าทำไมคุณแม่ต้องทำแบบนี้กับคุณพ่อด้วย”
“ทุกคนมีเหตุผลของตัวเอง ถ้าคิดในมุมเข้าข้างตัวเอง เหตุผลของทุกคนก็ถูกต้องเสมอ แต่เราคิดแบบนั้นไม่ได้ ไม่ว่าเราจะมีเหตุผลอะไร แต่เราก็ต้องไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน ไม่เบียดเบียนชีวิตคนอื่น”
“ทำไมมันถึงต้องเกิดเรื่องแบบนี้กับครอบครัวเราด้วยคะ”
“ไม่มีชีวิตใครสมบูรณ์แบบหรอกครับน้องอ้อ เพราะชีวิตคือการเรียนรู้ที่จะรับมือกับทั้งความสุขและความทุกข์ ไม่ว่ามันจะมาในรูปแบบไหนก็ตาม เราก็ต้องสู้และเอาชนะมันไปให้ได้...รู้ไหม”
“แล้วอ้อควรจะทำยังไงต่อไปดีคะ ความจริง...
อ้อก็เป็นห่วงคุณแม่”
“ถ้าคุณสุดาวรรณยอมมอบตัว อาจจะมีทางลดหย่อนโทษลงได้ อ้อคงต้องพยายามหาทางติดต่อคุณแม่ให้ได้”
“แต่ทั้งคุณแม่ ทั้งพี่อ้นก็ไม่รับสายอ้อเลย ไม่รู้ว่า ตอนนี้อยู่ที่ไหน”
วศินถอนใจอย่างไม่รู้จะช่วยอ้อตามหาแม่กับอ้นที่ไหนเหมือนกัน...
ooooooo
ที่บ้านสวนลึกๆของทองเติมที่เชียงราย
อ้นชนแก้วเครื่องดื่มกับทองเติม ทองเติมบอกว่า
“พวกคุณคิดถูกแล้วที่มาหาผม ผมพร้อมจะช่วยคุณเต็มที่คุณอ้น ขอแค่มีเงินก็พอ”
อ้นบอกว่าเรื่องนั้นไม่ต้องห่วง ขอแต่เขาพาคุณแม่ออกนอกประเทศได้อย่างปลอดภัยตนก็พร้อมจะจ่ายให้สิบล้านตามที่ตกลงทันที สุดาวรรณเสริมให้ดูน่าเชื่อถือว่าไม่ต้องห่วงเรื่องเงิน เพราะอ้นเป็นผู้สืบทอดมรดกต่อจากพ่ออยู่แล้ว ทองเติมบอกว่าถ้ามัดจำสักล้านสองล้านก็ดีเพราะช่วงนี้ตนอยากได้เงินไปหมุน
อ้นกับสุดาวรรณมองหน้ากัน ทองเติมบ่นเพื่อบีบให้สองแม่ลูกจ่ายตามที่ตนต้องการว่าช่วงนี้
ตนหนักจริงๆ ทั้งเรื่องบ่อนโดนปิด ทั้งเรื่องที่ดินที่ลงทุนไปอีก อ้นจึงเสนอจะมัดจำไว้หนึ่งล้าน หวังว่าเขาคงไม่เบี้ยว
“แหม...ผมไม่ทิ้งเงินสิบล้านเพื่อเงินแค่ล้านเดียว หรอกน่า” ทองเติมมองเงินยิ้มพอใจ
พอดีเสียงมือถืออ้นดังขึ้น พอเห็นปลายสายเป็นหนูดีก็ลังเลใจ สุดาวรรณบอกอยากรับก็รับเถอะ แต่ระวังหน่อยหนูดีอาจจะเป็นสายให้พวกไอ้วศินก็ได้ อ้นรับคำแล้วเดินออกไปรับสาย
หนูดีดีใจมากที่อ้นรับสาย ถามว่าเป็นยังไงบ้าง อยู่ไหน รู้ไหมว่าอ้อกับหนูดีเป็นห่วงพี่อ้นกับป้าสุมาก อ้นถามประชดว่า เป็นห่วงพี่ด้วยหรือ หรือแค่มาสืบข่าว แม่พี่ให้ใคร??
หนูดีบอกว่าตนไม่ได้สืบอะไรให้ใครทั้งนั้น อ้อบอกว่าติดต่อพี่อ้นไม่ได้เลย แล้ววันนี้พี่อ้นก็ไม่ไปงานคุณลุงสรวิชญ์ ตนเป็นห่วงจริงๆ อ้นตัดบทว่า
ตนสบายดีหนูดีไม่ต้องห่วง
“พี่อ้นคะ อย่าทำแบบนี้เลย พี่อ้นกำลังช่วยแม่ในทางที่ไม่ถูกนะคะ พาป้าสุมามอบตัวสู้คดีเถอะค่ะ บางทีอาจจะมีอะไรดีขึ้น ดีกว่าหลบๆซ่อนหนีตำรวจอย่างนี้” อ้นสวนทันทีว่านั่นไง สุดท้ายหนูดีก็มาพูดเพื่อไอ้วศิน “ไม่จริงนะคะพี่อ้น เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับพี่วศินเลย หนูดีพูดเพราะห่วงพี่จริงๆ”
“พี่ไม่อยากให้แม่ติดคุก” หนูดีถามว่าแล้วพี่จะยอมให้แม่พี่หนีคดีไปตลอดชีวิตแบบนี้หรือ? “แล้วถ้าแม่พี่กลายเป็นฆาตกรฆ่าคนตาย แล้วเรื่องแต่งงานของเราล่ะจะยังไง?”
“เรื่องนี้กับเรื่องแต่งงานไม่เกี่ยวกันเลยนะคะ”










