ตอนที่ 15
ตำรวจบอกว่ายังต้องสืบค้นกันต่อไปอีก ก็พอดีตำรวจนายหนึ่งเข้ามารายงานว่าผลชันสูตรศพเวลาตายของคุณสรวิชญ์ออกมาแล้ว ทุกคนมองหน้ากัน
ลุ้นระทึก โดยเฉพาะวศินกับอินทัช
ooooooo
บรรยากาศที่วัด ทุกคนในครอบครัวศิริเสนีช่วยกันดูแลการจัดงานอย่างแข็งขัน
ที่รูปหน้าศพของสรวิชญ์...อ้นนั่งมองรูปพ่อ พูดอย่างเสียใจสุดซึ้ง
“พ่อครับ...ผมเป็นต้นเหตุที่ทำให้พ่อต้องตาย พ่อยกโทษให้ผมกับแม่ด้วยนะครับ”
สุดาวรรณเข้ามาเรียกอ้นไปกินข้าวเพราะเขายังไม่ได้กินอะไรเลยและนี่ก็ใกล้เวลาแขกมาแล้ว อ้นบอกว่าตนยังไม่หิวแล้วลุกหนีไป แต่ถึงประตูศาลาก็ชะงักกึก สุดาวรรณเห็นอ้นชะงักก็แปลกใจมองตามไป แล้วก็ชะงัก ตกใจหน้าซีดเผือด
ที่ประตูทางเข้าศาลา วศินในชุดดำเดินเข้ามาพร้อมกับอังกาบ อินทัชกับวินพัตรา อ้ออุทาน “พี่วศิน!”
ทุกคนมองไปเป็นตาเดียว สุดาวรรณปราดเข้าไปถามวศินว่าแกมาที่นี่ได้ยังไง? อังกาบบอกว่าวศินมา กราบศพพ่อ อ้นถามว่าตำรวจปล่อยตัวมาได้ยังไง วศินตอบอย่างผ่าเผยว่า
“ก็เพราะผมไม่ใช่คนร้ายยังไงล่ะครับ” สุดาวรรณโวยวายว่าไม่จริง แล้วใครล่ะเป็นคนฆ่าคุณสรวิชญ์ “เรื่องนี้คุณคงต้องคุยกับตำรวจดูนะครับ”
ตำรวจหลายคนเดินเข้ามาในศาลาตรงเข้าหาสุดาวรรณ เธอหน้าถอดสีไปทันที ทุกคนตกใจกว่าเดิม อ้นกับอ้อมองแม่ด้วยความเป็นห่วง
ooooooo
วศินมองหน้าสุดาวรรณจับสังเกต คิดถึงแผนการที่ได้เตรียมไว้กับตำรวจมาก่อนแล้ว...
คือเมื่อรู้ผลการชันสูตรศพยืนยันว่าการตายของสรวิชญ์นั้นผ่านมาแล้ว 12 ชั่วโมงก่อนถึงมือหมอ วศินคะเนว่าพ่อน่าจะถูกฆ่าตอนช่วงเย็นๆ อินทัชบอกว่าถ้าช่วงเวลาเย็นวศินยังอยู่ที่เชียงรายอยู่เลย
“ครับ แสดงว่าคนร้ายที่ฆ่าคุณสรวิชญ์เป็นคนอื่นไม่ใช่คุณวศิน คุณพ้นข้อกล่าวหาแล้วครับ”
“งั้นก็มีความเป็นไปได้ว่าคนร้ายจะเป็นคนที่เข้าไปในบ้านก่อนผม คนที่มีภาพอยู่ในกล้องวงจรปิดใช่ไหมครับ”
“ใช่ครับ ตอนนี้ผมกำลังให้ทีมพยายามแกะภาพหน้าจากกล้องอยู่”
พอดีตำรวจเข้ามารายงานว่าทางทีมไอทีแกะภาพจากไฟล์วิดีโอต้นฉบับ ได้ภาพหน้าผู้ต้องสงสัยอีกคนแล้ว พอตำรวจเอาไปดูจึงเห็นชัดว่าเป็นม้าเหล็กนั่นเอง!
อินทัชจำได้ว่ามันเป็นคนทำร้ายนายแม่อังกาบ วศินสงสัยว่ามันจะเป็นคนของคุณสุดาวรรณ ตำรวจถามว่าแน่ใจหรือ?
“ถึงไม่มีหลักฐาน แต่ผมค่อนข้างแน่ใจว่าผู้ชายคนนี้ต้องเกี่ยวอะไรกับคุณสุดาวรรณแน่ๆ” วศินยืนยัน ตำรวจถามว่าดูเหมือนเขาจะสงสัยคุณสุดาวรรณ “ผมยอมรับว่าใช่ครับ เพราะก่อนหน้านี้พ่อผมเคยเรียกผมไปคุยเรื่องพินัยกรรมให้ผมดูแลหุ้นบริษัทและสมบัติในชื่อของท่านเมื่อท่านเสียชีวิต”
ตำรวจว่าถ้าอย่างนั้นเขายิ่งไม่มีมูลเหตุให้ฆ่าผู้ตายเลย วศินย้ำว่าคนที่คิดฆ่าคุณพ่อก็คงมีแต่คนที่เสียผลประโยชน์เท่านั้น ตนเชื่อว่าคุณสุดาวรรณต้องรู้เรื่องพวกนี้ดี ตำรวจว่างั้นต้องเชิญตัวคุณสุดาวรรณมาสอบปากคำเพิ่มเติม
“เดี๋ยวครับ ถ้าเค้นถามเฉยๆคนฉลาดอย่างคุณสุดาวรรณต้องยอมรับแน่ว่ารู้จักกับคนร้าย แต่เราอาจจะไม่สามารถโยงใยถึงตัวคุณสุได้หรอกครับ แต่ผมมีแผนเสนอครับ”
ดังนั้นเมื่อตำรวจมาที่วัดและตรงเข้าหาสุดาวรรณ วศินจึงจับตาดู...
พอสุดาวรรณเห็นวศินมาก็ถามตำรวจว่าทำไมปล่อยผู้ต้องหาออกมา ไหนบอกว่าไม่ให้ประกันตัวไง ตำรวจบอกว่าเพราะคุณวศินไม่ได้เป็นผู้ต้องสงสัยอีกแล้ว พลางเอาผลการชันสูตรศพที่ระบุช่วงเวลาตายให้ดู สุดาวรรณตกใจเพราะตัวเองไม่ได้คิดเรื่องนี้มาก่อน อุทาน “ช่วงเวลาตาย?!!”
“ใช่ครับ ผลการชันสูตรศพพบว่าช่วงเวลาที่คุณสรวิชญ์ตายจนถึงมือหมอเป็นเวลา 12 ชั่วโมงขึ้นไป แต่ถ้าคำนวณจากหลักฐานและที่อยู่ของคุณวศิน ถ้าคุณวศินเป็นคนฆ่าคุณสรวิชญ์ เวลาตายของคุณสรวิชญ์จะต้องไม่ถึง 12 ชั่วโมงแน่”
สุดาวรรณเถียงคอเป็นเอ็นว่าเป็นไปได้ไงในเมื่อพวกตนเห็นวศินอยู่กับศพของคุณสรวิชญ์ ตำรวจบอกว่าถ้าไม่เชื่อจะดูหลักฐานไฟลท์การบินจากเชียงรายของวศินก็ได้ ตำรวจส่งหลักฐานให้สุดาวรรณดู
ระหว่างนั้นภัสสรถามว่าแบบนี้วศินก็พ้นจากข้อกล่าวหาแล้วใช่ไหม พอตำรวจบอกว่าใช่ พวงมณีถามทันที ปากถามตำรวจแต่ตามองไปทางสุดาวรรณว่า ถ้าวศินไม่ใช่คนร้าย แล้วคนร้ายจะเป็นใคร?
“คุณสุดาวรรณครับ” ทุกคนมองสุดาวรรณขวับ แต่แล้วก็โล่งใจเมื่อตำรวจเชิญตัวไปให้ปากคำที่โรงพัก สุดาวรรณตกใจแต่พยายามประคองสติไม่ให้มีพิรุธบอกตำรวจว่าได้สิ แล้วก็โล่งอกเมื่อตำรวจบอกว่า “คนอื่นๆด้วยนะครับ พอดีมีเบาะแสคนร้ายเพิ่มเติมที่อยากสอบถาม”
ooooooo
ตำรวจที่สอบสวนแจ้งว่าจากกล้องวงจรปิดของเพื่อนบ้านพบว่าก่อนที่คุณวศินจะเข้าไปทางประตูหลัง มีผู้ชายคนหนึ่งเข้าไปก่อน แล้วเอารูปม้าเหล็กให้ดูถามว่ารู้จักไหม สุดาวรรณชะงักแต่มองนิ่ง
พวงมณีดูรูปแล้วบอกว่าตนไม่รู้จักไม่เคยเห็นหน้าด้วยซ้ำ อ้อก็บอกว่าไม่เคยเห็นแล้วก็ไม่น่าเชื่อว่าจะใช่คนที่คุณพ่อรู้จัก อ้นดูรูปแล้วชะงักเหมือนจะจำได้ ตำรวจถามว่าคุณอ้นเคยเห็นผู้ชายในรูปนี้ไหม?










