ตอนที่ 13
มยุรียุให้ปรางทิพย์ดึงทินภัทรกลับมาหาตัวเองให้ได้ แต่เธอส่ายหน้าไม่เอาด้วยไม่อยากแข่งกับเจ้าแสงแก้ว มยุรีไม่สบอารมณ์ที่ลูกไม่ได้ดั่งใจ...
เจ้าแสงแก้วครุ่นคิดสงสัยว่าทินภัทรกับลินินเถียงอะไรกันหนักหนาที่ร้านอาหาร ถึงขนาดลินินตบหน้าเขาต้องไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เจ้าแม่เห็นสีหน้าของลูกสาวเข้ามาโอบไหล่ถามว่ามานั่งซึมอยู่ตรงนี้ทำไม เธอโกหกว่าไม่มีอะไรแค่นั่งเล่นเฉยๆ ท่านขอร้องอย่ามาปดกันดีกว่าท่านดูออกว่าลูกมีปัญหาในใจ ลูกกับทินภัทรไปไหนมาไหนด้วยกันระยะนี้ถี่มาก แล้วอะไรทำให้ลูกต้องคิดมากแทนที่จะร่าเริง ในสายตาท่าน ลูกกับเขาเหมาะสมกันมาก
“แม่ไม่เข้าใจทำไมเขามองข้ามลูกสาวแม่ไปมีใจกับเด็กคนนั้นตั้งแต่แรกแล้ว”
“ความเหมาะสมของเราคงไม่ใช่สิ่งประกอบของความรักมังคะ ปรางเป็นเด็กดีและน่าสงสารมาก แถมเป็นเพื่อนรักที่สุดของน้องสาวเขา ผูกพันกันมากกว่าแสง และจนเดี๋ยวนี้เขาก็ยังห่วงใยเอื้ออาทรต่อปราง”
“แต่ปรางมีสามีไปแล้วมีลูกในท้อง เขาทำได้แค่ห่วงใยเท่านั้น”
“เขาอาจมองข้ามแสงมองข้ามปราง เปลี่ยนไปมีใจให้คนอื่นอีกก็ได้ค่ะเจ้าแม่”
ท่านจะไม่ถามอะไรให้ลูกต้องอึดอัดใจ แต่ถ้าคบกับทินภัทรแล้วทำให้ทุกข์ใจไม่มีความสุขก็ถอยออกมาไม่ดีกว่าหรือ แล้วดึงตัวลูกมากอดไว้อย่างปลอบใจ เจ้าแสงแก้วซบหน้ากับอกแม่ ตั้งใจมั่นจะไม่ถอยเด็ดขาด
ooooooo
ค่ำวันเดียวกัน ทินภัทรเปิดภาพลินินที่ถ่ายเก็บไว้ในมือถือขึ้นมาดู ยิ่งเห็นภาพเธอใจก็ยิ่งร้อนรุ่ม ทนนิ่งเฉยต่อไปไม่ไหวโยนมือถือไว้บนโต๊ะ แล้วผลุนผลันออกจากบ้าน...
ที่บ้านเชิงดอยของพ่อเลี้ยงอำนาจ ลินินมีอาการไม่ต่างกันกับทินภัทร หยิบมือถือมาเปิดดูรูปถ่ายของเขา นึกถึงตอนที่เขาด่าว่าสารพัด ทั้งน้อยใจและแค้นใจ กดเรียกเบอร์ปั้นปึ่งขึ้นมาจะโทร.ถามให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยว่าทำไมถึงต้องทำกับเธอแบบนี้ แต่แล้วเปลี่ยนใจวางมือถือไว้ที่เดิม เดินไปที่หน้าต่าง พระจันทร์สวยบนฟ้าไม่ได้ทำให้จิตใจเธอผ่อนคลายลงได้ กลับยิ่งเหงาใจจนต้องร้องไห้ออกมา...
ทินภัทรปั่นจักรยานมาเรื่อยเปื่อย หวังให้บรรยากาศเงียบสงบยามค่ำคืนช่วยบรรเทาความร้อนรุ่มในใจ ปั่นมาได้สักพัก ถึงได้รู้ตัวว่ามาใกล้กับบ้านเชิงดอยของพ่อเลี้ยงอำนาจ จอดจักรยานลงมายืนมองไปที่บ้านหลังนั้น อดหวั่นไหวไม่ได้...
ฝ่ายลินินตัดสินใจออกมาเดินเล่น มองไปทางบ้านไร่บนดอยของทินภัทรแล้วถอนใจเหนื่อยใจ เดินใจลอยไปเรื่อยๆในใจคิดถึงแต่ใบหน้าของเขา กระทั่งมีนกกลางคืนตัวหนึ่งบินโฉบมาใกล้ เธอตกใจร้องอุ๊ย แม้เสียงร้องจะไม่ได้ดังอะไรมาก แต่ไปถึงหูของทินภัทรที่เดินจูงจักรยานอยู่ไม่ห่างกันนัก เขาหันขวับมองตามเสียง
หญิงสาวเดินใจลอยมาถึงต้นไม้ใหญ่ หยิบก้อนหินมาสลักรูปหัวใจหนึ่งดวงลงไป แล้วถอยออกมาดูผลงานของตัวเอง นกกลางคืนที่อยู่บนต้นไม้ตกใจอะไรบางอย่างส่งเสียงร้องบินเฉียดหัวเธอไป คราวนี้ใกล้มากจนเธอตกใจร้องว้ายลั่น โดนนกโฉบสองครั้งทำให้เธอเริ่มกลัว ถอยหลังจะกลับ ทันใดนั้นมีมือมาดึงจากตัวด้านหลังจนเซไปชิดกับร่างใครบางคน เธออ้าปากจะร้อง แต่เขาเอามือมาปิดปากเธอไว้เสียก่อน
“เงียบ” เขากระซิบข้างหู ลินินจำเสียงทินภัทรได้ถึงกับตะลึง แต่ต้องตกใจแทบช็อกเมื่อมองไป
เบื้องหน้าเห็นงูตัวใหญ่กำลังเลื้อยผ่าน เธอยืนตัวแข็งไม่กล้าขยับ










