ตอนที่ 14
เขมจิรารอทีเผลอขโมยหอมแก้มธนาคิมพร้อมกับกดถ่ายรูปไปด้วย เขาถึงกับอึ้งที่เธอใจกล้าหน้าด้านหอมแก้มผู้ชายกลางห้างฯ ขณะที่เธอหัวเราะชอบใจ...
พิมพ์ชนกกำลังทำงานอยู่ที่เคาน์เตอร์พยาบาลตอนที่เขมจิราส่งรูปหอมแก้มธนาคิมมาให้ทางไลน์ และเขียนข้อความไว้ใต้ภาพว่าพี่คิมหายป่วยคราวนี้น่ารักกว่าเดิมเยอะเลย จังหวะนั้นริสาเดินเข้ามาทักทาย
“ได้ยินว่าพิมพ์กลับมาทำงานแล้ว พี่เลยมาหาน่ะ คุณธนาคิมเขาตามองเห็นดีแล้วเหรอ”
“ค่ะ เขาหายดีแล้ว พิมพ์เพิ่งรู้ว่าพี่ริสาย้ายแผนก ทำไมเหรอคะ”
“ไม่มีอะไรหรอกพี่แค่เบื่อๆอยากเปลี่ยนสิ่งแวดล้อมใหม่ บางทีอาจทำให้พี่เปลี่ยนตัวเองได้” ริสาดูจะกร้าวขึ้นกว่าเดิมจนพิมพ์ชนกต้องทักว่าเป็นอะไรหรือเปล่า ริสาโอเคไม่ได้เป็นอะไรแล้วถามเธอว่าโอเคไหม เธออึกอักก่อนจะตอบว่าโอเค ริสาเหลือบเห็นรูปในมือถือของพิมพ์ชนกอดแขวะไม่ได้ พอธนาคิมหายป่วยน้องสาว
ของเธอก็ไปหาทันทีเลยหรือ เธอพยักหน้าก็เขาทั้งคู่เป็นคู่หมั้นกัน
“คู่หมั้นแบบไหนที่ควงผู้ชายอื่นตอนที่คู่หมั้น
ตัวเองป่วยน่ะ ขอโทษนะจ๊ะพิมพ์ แต่เขาถึงว่าไง ดูผู้หญิงเขาให้ดูตอนลำบาก ส่วนดูผู้ชายเขาให้ดูตอนสบาย” ริสาพูดไม่ทันขาดคำ มีเสียงพูดดังขึ้น
“ยังไงเหรอครับ”
สองสาวหันมองตามเสียงเห็นอานนท์เดินเข้ามา เขาขอให้ริสาช่วยขยายความให้ด้วย เธอจ้องเขาเขม็งแล้วตอบอย่างไม่แคร์ว่าผู้หญิงที่ทนลำบากกับผู้ชายได้เพราะรักผู้ชายคนนั้นมาก ถ้าไม่รักก็คงไม่ทนลำบากด้วย แล้วหันไปถามพิมพ์ชนกว่าจริงไหม เธอได้แต่ยิ้ม รู้แก่ใจดีว่าริสาหมายถึงตัวเอง
“แต่ผู้ชายบางคนเวลาสุขสบายแล้วมักจะหลงละเลิงกับความสุขจนลืมผู้หญิงที่อยู่ข้างๆตัวเองตอนลำบาก นี่แหละถึงบอกว่าดูผู้ชายให้ดูตอนสบาย ถ้าผู้ชายคนนั้นยังอยู่กับเราไม่ทำให้เราเสียใจ แสดงว่าเขารักเราจริง ถ้าไม่ใช่ ผู้ชายคนนั้นก็ไม่คู่ควรกับการรออีกต่อไป”
อานนท์รู้ทันทีว่าริสากำลังเข้าใจตัวเองผิดพยายามจะอธิบายแต่เธอไม่ฟัง บอกกับพิมพ์ชนกว่าขอตัวไป
ทำงานก่อนเสียเวลามาเยอะแล้ว จากนั้นหันหลังเดินจากไป อานนท์มองตามตาละห้อย พิมพ์ชนกสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น อานนท์เล่าว่าริสาเข้าใจผิดเขาอยู่ เธอเดาออกทันทีว่าเรื่องนี้เกี่ยวกับเขมจิราใช่ไหม เขานิ่งไม่ตอบ...
ทางด้านทิพย์อาภาไม่รอช้าบุกไปหาเอมอรถึงบ้านเพื่อคุยเรื่องแต่งงานของเขมจิรากับธนาคิม เอมอรไม่เข้าใจจะมาคุยทำไมในเมื่อฝ่ายทิพย์อาภาเป็นคนถอนหมั้นลูกของตน
“แหม อรจ๋า เด็กๆงอนกันเป็นเรื่องปกติเดี๋ยวก็ดีกัน”
เอมอรเชื่อว่าลูกชายตัวเองไม่ได้คิดแบบนั้น










