นิยายไทยรัฐ
หลงเงาจันทร์
สายมากแล้วแต่เขมจิรายังนอนหลับอุตุอยู่
บนเตียง เสียงเตือนจากมือถือดังขึ้น เธองัวเงียคว้าไปเปิดดู มีคนแอดเฟรนด์เข้ามาในเฟซบุ๊ก เธอกดดูเห็นคนแอดเฟรนด์เป็นชื่อและรูปของพลาทิปก็ตกใจแทบช็อก
“พลาทิป” พูดได้แค่นั้นเขมจิรากรีดร้องออกมาโยนมือถือทิ้งขวัญผวาสุดๆ
ทิพย์อาภากำลังคุยกับนิติเรื่องเขมจิราจะแต่งงานกับธนาคิมได้ยินเสียงลูกร้องด้วยความตกใจรีบวิ่งไปดู เขมจิราโผกอดแม่ตัวสั่น ทิพย์อาภาถามว่าเป็นอะไร
ใครทำอะไรให้ เธอลังเลใจจะบอกท่านเรื่องพลาทิปดีไหมสุดท้ายตัดสินใจไม่บอก โกหกว่าไม่มีอะไร แค่ฝันร้ายเท่านั้น ทิพย์อาภาปลอบ
“โถ ฝันร้ายจะกลายเป็นดีค่ะลูก” คำปลอบโยนของแม่ไม่ได้ทำให้เขมจิราสบายใจแม้แต่น้อย...
ด้านธนาคิมมองมือถือแล้วยิ้มพอใจกับผลงานตัวเอง จังหวะนั้นเด็กรับใช้ลากกระเป๋าเดินทางของเอมอรเข้ามา เขาเงยหน้ามองเห็นแม่ที่เพิ่งกลับจากสิงคโปร์เดินตามหลังเด็กรับใช้ก็ดีใจมากโผกอดไว้แน่น
“เบาๆลูกเพิ่งหายป่วยอย่าเพิ่งซน”
“ไม่เป็นไรแล้วครับแม่ หายแล้วนี่เห็นไหม”
ธนาคิมว่าแล้วยื่นหน้าไปหอมแก้มแม่ซ้ายทีขวาที
“ขวัญเอ๊ย ขวัญมา หมดเคราะห์หมดโศกแล้ว หายป่วยรอบนี้ขอให้คิมเจอแต่สิ่งดีๆนะลูก” เอมอรเห็นลูกแต่งตัวหล่อถามว่าจะไปไหน เขามีธุระต้องทำนิดหน่อย เธอสงสัยหมอให้ขับรถได้แล้วหรือ เขาพยักหน้าหมออนุญาตแล้ว เธอเตือนให้ขับรถระวังๆเพราะเพิ่งจะหายแล้วถามถึงพิมพ์ชนกเป็นอย่างไรบ้าง ท่านอยากขอบใจสักหน่อย เขากลับบอกว่าไม่ต้อง พิมพ์ชนกไม่ต้องการมันหรอก ท่านตำหนิเขาชักจะเกเรใหญ่แล้ว
“ก็มันจริงนี่ครับ ไม่เอาล่ะสายละ ผมไปก่อน
นะครับแม่” ธนาคิมหอมแก้มแม่หนึ่งฟอดแล้วออกจากบ้านไป เด็กรับใช้เผือกทันที แบบนี้จะต้องงอนกันแน่ๆ เอมอรหมั่นไส้ที่เด็กรับใช้ทำเป็นรู้ดี แล้วนึกขึ้นได้ ถ้างอนกันก็แสดงว่ารักกันจริงไหม เด็กรับใช้พยักหน้าเออออไปด้วย
“ดี ฉันก็อยากได้หนูพิมพ์มาเป็นสะใภ้เหมือนกัน” เอมอรฝันหวานแล้วหันมาทางเด็กรับใช้ “อ้าว เผือกพอหรือยัง รีบเอากระเป๋าไปเก็บสิจ๊ะ” พูดจบเอมอรภาวนาให้หนูพิมพ์มีใจให้ตาคิมของตนด้วย
ooooooo
ธุระนิดหน่อยของธนาคิมคือแวะไปหาเขมจิราที่บ้านสุวรรณเวศน์ ขณะนั่งรอคู่นัดแต่งตัวอยู่ในห้องรับแขก พิมพ์ชนกเห็นเขามารีบหลบไปอีกทางหนึ่ง เขาหันไปเห็นหลังเธอไวๆเดินออกไปก็ไม่พอใจที่เธอหลบหน้า เดินตามจนทัน ก่อนจะวิ่งไปขวางหน้าไว้ เธอชะงักถามว่ามีธุระอะไร
“ทำไมครับ ไม่มีธุระอะไร ผมจะคุยกับคุณไม่ได้แล้วเหรอ” ไม่พูดเปล่าธนาคิมเดินเข้าหาอีกด้วย
“ไม่ใช่แบบนั้นค่ะ แต่...”