ตอนที่ 14
เสร็จจากป้อนข้าวป้อนน้ำให้คมแล้ว พราวฟ้าเอายาให้เขากิน ทำไปบ่นไปเพราะมีแต่ยาแก้ปวด
“กินแต่ยาแก้ปวดอย่างนี้เมื่อไหร่แผลจะหาย”
“อีกไม่เท่าไหร่ก็หายเองครับ”
“คม...ฉันไม่ยอมแต่งกับพี่สิงขรแน่”
“มันอันตรายนะครับ ทั้งต่อคุณและพ่อคุณ”
พราวฟ้าสีหน้าหม่นหมองคิดหาทางออก “ฉันจะบอกกับพ่อยังไงดี นายจะไม่ปกป้องฉันหรือ”
คมมองสภาพตัวเองแล้วรู้สึกอนาถใจ
“ผม...ผมไม่มีอนาคตที่จะไปปกป้องดูแลใครได้หรอกครับ คุณพราวฟ้าควรจะอยู่กับคนที่คู่ควร”
พราวฟ้ารู้ว่าคมร้าวรานทั้งกายและใจ ซึ่งเธอเอง ก็รู้สึกไม่ต่างกัน
“นายเท่านั้นที่คู่ควรกับฉัน ไม่ต้องพูดแล้ว พรุ่งนี้ฉันจะมาเยี่ยม เดี๋ยวฉันจะฝากยาหมวยมาให้นายเพิ่ม ดูแลตัวเองนะ แล้วฉันจะมาเยี่ยมใหม่”
เธอผละไปทั้งที่เป็นห่วงเขาเหลือเกิน...คมมองตามด้วยใจที่สับสน
ooooooo
ภูผาถูกขังไว้ที่โรงพักสถิตไทย ชัยลูกน้องที่รอดไปได้มาป้วนเปี้ยนเพื่อหาทางช่วยลูกพี่ แล้วบ่ายวันนี้เองก็มีหญิงสาวคนหนึ่งทำทีมาขอเยี่ยมภูผาที่โดนขังอยู่กับชายอีกคนชื่อโอ
“ขอเยี่ยมคุณภูผาหน่อยหมู่”
สิบเวรแววตาลอกแลกมองไปมาคล้ายรู้กัน แล้วพูดเบาๆ
“รีบหน่อยนะ จะพาผู้ต้องขังฝากขังที่ศาล”
หญิงสาวรับปากแล้วเดินเข้ามาที่หน้าห้องขังทักภูผา “เป็นยังไงบ้างคะคุณภูผา”
“เรารู้จักกันด้วยหรือ”
“ไม่จำเป็นต้องรู้จัก เพราะเป็นคำสั่งของกำนันสิงห์”
ภูผาขยับมาใกล้เธอทันที “พ่อหรือ”
“เวลามีน้อย คุณควรจะจูบลาฉัน”
หญิงสาวส่งซิก ภูผาเข้าใจ จากนั้นสองคนก็กอดรัดราวกับเป็นคู่รักกัน แต่ฝ่ายหญิงแอบส่งของบางอย่างให้ภูผาแล้วกลับออกมาอย่างเนียนๆ
ooooooo
เรืองเดชกับลูกน้องจอดรถอยู่ที่หน้าโกดังแห่งหนึ่ง บริเวณนี้เงียบสนิทเหมือนไม่มีใคร เรืองเดชระวังตัวแจ มือกุมปืนที่เอวตลอดเวลา
สักพักได้ยินเสียงผิดปกติทางด้านหลัง เรืองเดชชักปืนหันขวับไปทันที ปรากฏว่าเป็นไมเคิลเดินเข้ามา
“ใจเย็น...” ไมเคิลรีบพูด
“ไมเคิล...มาได้ยังไง”
“แล้วนายล่ะ”
ทันใดนั้นบิลลี่กับลูกน้องปรากฏตัว บิลลี่บอกว่าไม่ต้องตกใจ เจ้านายของตนนัดพวกเขามาเอง
“นายแก? ใคร?” เรืองเดชถาม
“คุณจะได้รู้จักเขาเร็วๆนี้”
ไมเคิลไม่อยากเสียเวลา ตัดบทว่า “เรามาคุยเรื่องที่นัดพวกฉันมาดีกว่า”
บิลลี่ยิ้มรับและตั้งท่าจะให้รายละเอียดแก่เรืองเดชและไมเคิลไปพร้อมกัน
ห่างจากจุดนั้นพอสมควร เมฆากับเนตรดาวที่แอบสะกดรอยตามเรืองเดชมากำลังซุ่มจับตาไปยังคนกลุ่มนั้นด้วยความสงสัย
“พวกนั้นคุยอะไรกัน”
“ผมไปถามให้เอาไหม”
“เฮ้ย...ตลกอีกแล้วนะนาย”










