ตอนที่ 7
แต่เมื่อลุงแสงเจอทอรุ้ง เธอถามว่าภูผายังไม่กลับหรือ ลุงแสงถามว่ายังไม่เจอกันอีกหรือ เห็นภูผารีบเดินมาทางนี้ บ่นๆ “แล้วมันไปไหนของมันวะ”
ทอรุ้งเดินหาภูผาเจอเขานั่งเหม่ออยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ก็เข้าไปจ๊ะเอ๋อย่างร่าเริง แล้วขอนั่งด้วยคน เห็นภูผาเย็นชา เฉยเมยถามว่าเป็นอะไร ไม่ดีใจที่ตนกลับมาเหรอ
ภูผาถามว่าทำไมตนต้องดีใจ ทอรุ้งหน้าเสียถามว่าทำไมพูดแบบนี้ล่ะ
“มีความสุขมากเหรอที่ปั่นประสาทคนอื่นได้น่ะ” ทอรุ้งถามว่าตนทำอะไร ตนเพิ่งมาถึงนะ “ถ้ามาแบบนี้อย่ามาซะยังจะดีกว่า
“ภูผา...” ทอรุ้งรับไม่ได้กับท่าทีเย็นชาและคำพูดรุนแรงของภูผาซ้ำพูดแล้วลุกเดินหนีไปอีก ทอรุ้งอึ้ง มึน ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
จนมาเจอลุงแสงที่ถือแตงโมลูกแห้งเหี่ยวมาบอกว่าภูผารอเธอมากินจนมันแห้งเหี่ยวแล้ว บอกว่าลุงจะไปตัดมาให้ใหม่ ทอรุ้งถามว่าภูผาโกรธตนที่มาช้าหรือ ลุงแสงว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ ทอรุ้งคิดๆแล้วนึกได้สงสัยว่าภูผาจะเห็นพี่วินที่มาส่งตนแน่เลย
ทอรุ้งไปง้อขอให้มาคุยกันดีๆได้ไหม ฟังตนอธิบายหน่อยได้ไหม ภูผาก็เอาแต่เดินหนี แต่ทอรุ้งก็ไม่ละความพยายามตามไปบอกว่าตนไม่อยากจากกันโดยไม่ได้อธิบาย แล้วเล่าให้ฟังว่า พี่วินเป็นลูกพี่ลูกน้องของตนเขาเพิ่งเรียนจบกลับมา ยังติดธรรมเนียมฝรั่งกอดหอมแก้มกัน อธิบายแล้วมองหน้าบอกว่า
“ภูผาจะเชื่อหรือไม่เชื่อรุ้งก็ได้ แต่รุ้งพูดความจริง รุ้งไม่อยากให้ภูผาเข้าใจผิด แต่ถ้ารุ้งอธิบายแล้วภูผายังไม่ฟัง...รุ้งก็...”
ทอรุ้งพูดไม่ทันจบภูผาก็โผกอดเธอแน่น ทอรุ้งได้แต่อึ้ง กอดกันอยู่จนใจนิ่งแล้ว ภูผากำชับว่า
“ทีหลังอย่าให้ใครมาทำแบบนั้นกับรุ้งอีก...บอกเขาด้วยว่าถ้าเราเจอเขา แล้วเห็นเขาทำแบบนั้น เราจะเข้าไปชกเขา...” ทอรุ้งดันตัวออกมาจะพูด ภูผาดึงเข้าไปกอดแน่น “ห้ามพูด แค่พยักหน้าก็พอ”
แต่ทอรุ้งก็ไม่ยอมพยักหน้า ทั้งสองจึงยืนกอดกันนิ่งอยู่อย่างนั้น...
เมื่อเคลียร์แล้ว ความรักความเข้าใจกันก็ยิ่งแน่นแฟ้น วันนี้ภูผาจึงผ่าแตงโมที่ลุงแสงไปเก็บมาให้ใหม่ให้ทอรุ้งชิม เธอชมว่าหวานชื่นใจจริงๆ ถามว่านี่ภูผาปลูกเองจริงๆหรือ ภูผาบอกว่าลุงแสงเป็นพยานได้
“จริงครับคุณรุ้ง แต่ลุงแอบเห็นนะว่าภูผาใส่เคล็ดลับอย่างอื่นไปด้วย เป็นเคล็ดลับที่ใครก็ทำไม่ได้”










