ตอนที่ 11
สถานการณ์ในกรุงศรีอยุธยาเวลานี้ เป็นดังคำบรรยายที่ว่า
“หลังจากหมดหน้าฝน น้ำลดลง กองทัพอังวะก็โหมตีกรุงศรีอยุธยาหนักกว่าเดิม และในที่สุดสิ่งที่กรุงศรีอยุธยาหวาดกลัวมากที่สุดก็มาถึง เมื่ออังวะสามารถเข้าไปตั้งค่ายในระยะปืนใหญ่ได้สำเร็จและเตรียมจะระดมยิงปืนใหญ่เข้ามาในกรุงศรีอยุธยา”
ผ่านไป 3-4 เดือน ในค่ายพระยาตากเต็มไปด้วยทหารบาดเจ็บที่ขนกันมาทั้งคืน แม้แต่เยื้อนก็ต้องมาทำแผลให้ทหาร พันหาญกล่าวกับหลวงพิชัยอย่างเครียดหนักว่า
“พวกอังวะมันตั้งค่ายในระยะปืนใหญ่ได้แล้ว อีกไม่นานก็คงขนปืนใหญ่ขึ้นบนเชิงเทินแล้วยิงใส่อโยธยาทั้งวันทั้งคืน แล้วเราจะทำอย่างไรกันต่อดีขอรับคุณหลวง”
“เราขาดทั้งคน ทั้งอาวุธ แลต้องทำตามแผนการโง่เง่าของพระเดชพระคุณในอโยธยาอีก ต้านศึกมาได้ถึงขนาดนี้ก็ถือว่าเก่งมากแล้ว จะเกิดกระไรขึ้นต่อไปก็สุดแต่เวรแต่กรรมเถิด” หลวงพิชัยเอ่ยอย่างท้อแท้
พระยาตากมองลูกน้องแต่ละคนสีหน้าเคร่งเครียด ในที่สุดก็ถึงเวลาที่ต้องตัดสินใจ พระยาตากสั่งปลดโซ่เยื้อน พร้อมกับยื่นถุงเงินให้บอกเยื้อนว่าเอ็งเป็นอิสระแล้ว พรุ่งนี้ให้หนีไปเสีย แต่อย่ากลับเข้ามาในอโยธยาอีกมันอันตราย หลวงพิชัยถามว่าท่านเจ้าคุณจะหนีหรือ
“ใช่ ฉันเคยบอกคุณหลวงว่าจะสู้เพื่ออโยธยาจนกว่าจะสิ้นหวัง มาบัดนี้ก็ไม่เหลือความหวังอันใดอีกแล้ว เพลานี้อโยธยาแตกได้ทุกเมื่อ” ม่วงขอติดตามท่านเจ้าคุณไป ไม่ให้มันผู้ใดมาทำอันตรายท่านเป็นอันขาด พระยาตากขอบน้ำใจม่วง บอกว่า “ฉันไม่ได้หนีเพื่อเอาตัวรอดดอก แลพ่อม่วงก็อย่าสู้เพื่อฉัน แต่จงสู้เพื่อตัวเองเถิด...ฉันไปครานี้ก็เพื่อรอวันที่จะกลับมากู้บ้าน
กู้เมือง แม้ฉันจะสิ้นหวังในอโยธยาแล้ว แต่ฉันไม่เคยหมดหวังในคนไท ตราบใดคำว่า ‘ไท’ ยังหมายถึง ‘อิสรภาพ’ แล้วไซร้ มิว่าผู้ใดก็อย่าหมายกดขี่ข่มเหงคนไทไปได้ตลอดเลย”
พระยาตากสีหน้ามุ่งมั่นเด็ดเดี่ยวไม่ยอมแพ้เด็ดขาด
ooooooo










