ตอนที่ 10
“ได้ยินไหมครับคุณพ่อ ไอ้เนรคุณนี่มันไม่ได้สำนึกบุญคุณคุณพ่อสักนิด แล้วคุณพ่อยังจะปกป้องมันทำไม”
ชาญยุทธโต้อย่างไม่ยอม การันต์เครียดจัด สุดท้ายก็หันปลายกระบอกปืนของลูกชายคนโตมาที่ตัวเอง
“วันนึงถ้าอ้ายเป็นพ่อคน อ้ายจะเข้าใจสิ่งที่พ่อทำ แต่ตอนนี้ถ้าอ้ายจะยิงน้อง อ้ายต้องยิงพ่อก่อน”
พันเดชอึ้งมาก ไม่คิดว่าพ่อจะออกตัวปกป้องขนาดนี้ ชาญยุทธแค้นใจพยายามดึงมือพ่อที่ยึดปืนไว้สุดความสามารถ เขาส่งสัญญาณให้วิสูตรฆ่าพันเดชแทนแต่ไม่ทันลงมือการันต์ก็ทรุดฮวบ!
ooooooo
การันต์มีอาการเหมือนหัวใจจะวาย ทรงวาดกระวีกระวาดพาส่งโรงพยาบาลโดยมีชาญยุทธกับพันเดชตามประกบอย่างใกล้ชิด ลืมความขุ่นแค้นชั่วขณะเพราะสังหรณ์ว่าครั้งนี้อาจเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้อยู่กับพ่อ
หมอและบุรุษพยาบาลช่วยกันเข็นเตียงการันต์เข้าห้องผ่าตัด ชาญยุทธกับพันเดชตามติด การันต์ขอร้องลูกชายทั้งสองให้เลิกแล้วต่อกัน ลูกชายแท้ๆทั้งสอง
ไม่มีใครพูดอะไร บรรยากาศรอบตัวเต็มไปด้วยความกดดันเมื่อการันต์เข้าไปด้านใน จนกระทั่งชาญยุทธเริ่มโวยโทษว่าพันเดชเป็นต้นเหตุให้การันต์เจ็บหนัก
พันเดชไม่ยอมโต้กลับ สองพี่น้องทะเลาะกันเสียงดังจนทรงวาดทนไม่ไหวตวาดลั่น
“เอาเลยครับ ชกกันเลย ฆ่ากันก็ได้ คุณพ่อกำลังวิกฤติเป็นตายเท่ากัน มันไม่มีความหมายอะไรเลยใช่ไหมครับ”
ชาญยุทธกับพันเดชชะงัก ทรงวาดเห็นดังนั้น
รีบพูด “ในชีวิตผม...คนยิ่งใหญ่ที่สุดก็คือคุณพ่อ แม้แต่ศัตรูของท่านก็ยังต้องยอมรับท่าน แล้วเมื่อกี้เห็นอะไร
ไหมครับ...เวลาของความเป็นความตายท่านไม่ได้นึกถึงตัวเองเลย ท่านนึกถึงแต่คุณสองคน พวกคุณคือคนที่ท่านห่วงใยมากที่สุด แล้วพวกคุณไม่คิดจะทำอะไรเพื่อท่านบ้างเลยเหรอครับ...”
คำพูดทรงวาดช่วยเตือนสติชาญยุทธกับพันเดชไม่ให้เกรี้ยวกราดใส่กันจนกระทั่งหมอแจ้งข่าวร้ายเรื่องการันต์ที่ยื้อชีวิตไว้ไม่ได้ ทรงวาดเสียใจมาก สะเทือนใจไม่แพ้ลูกชายแท้ๆอย่างชาญยุทธกับพันเดช แปะฮ้อเห็นท่าทางเหน็ดเหนื่อยของทรงวาดก็อดไม่ได้ พูดปลอบ
“เข้มแข็งไว้ เถ้าแก่เป็นเสาหลักของทุกคนที่นี่... อย่าลืมซะล่ะ”
“อั๊วไม่ลืมหรอกแปะ แต่อั๊วเจอแต่เรื่องสูญเสียติดๆกันมันก็เลยทำใจลำบากหน่อย โดยเฉพาะคุณพ่อ... อั๊วไม่เคยคิดว่าคุณพ่อท่านจะจากไปเร็วชนิดตั้งตัวไม่ทัน ทั้งๆที่ยังมีเรื่องค้างคาใจอยู่อย่างนี้”
“คนเราไม่ว่าจะยิ่งใหญ่แค่ไหนก็มองไม่เห็นขนตาตัวเองโดยไม่ส่องกระจกหรอก”










