ตอนที่ 10
“อั๊วก็ไม่อยากพูดซ้ำเหมือนกัน อั๊วแค่จะบอกว่าตอนที่อั๊วถูกอาเจ็กของเฮียทำร้ายเฮียก็เลือกปกป้องอาเจ็ก ตอนนี้มีคนโดนทำร้ายเพราะการกักตุนสินค้าของพี่ชายเฮีย เฮียก็เลือกปกป้องพี่ชาย สิ่งที่เฮียทำมันคือความกตัญญูแต่ไม่ได้ยืนอยู่บนคุณธรรม อั๊วอาจจะอภัยให้เฮียได้แต่ตราบาปครั้งนี้มันจะไม่มีวันหายไปจากใจเฮียเลยตลอดชีวิต!”
ปิ่นมุกยังช่วยอะไรใครไม่ได้ แม้แต่อรุณรุ่งรุ่นพี่สาวคนสนิทที่ต้องช่วยพ่อรับศึกหนักลูกค้าแห่มาขายทองคืนเพราะสภาวะข้าวยากหมากแพง เหตุการณ์ที่ร้านทองทำให้ปิ่นมุกทนไม่ไหวหว่านล้อมก๊กไช้และสมาชิก
ที่เหลือในบ้านยกเว้นทรงวาดให้ขโมยข้าวในโรงสีไปขาย!
ชาญยุทธไม่สะทกสะท้านกับความเห็นแก่ตัวของตัวเอง สาแก่ใจยิ่งนักเมื่อรู้จากวิสูตรว่าข้าวสารที่กักตุนไว้จะทำกำไรให้มหาศาล แถมได้สั่งสอนพันเดชกับบรรดาหัวหน้าแก๊งที่แปรพักตร์ไปในตัว
พันเดชแทบคลั่งเมื่อรู้จากฤทธิ์ว่าบรรดาหัวหน้าแก๊งที่เพิ่งย้ายข้างเบี้ยวค่าคุ้มครองตั้งแต่เดือนแรกเพราะสภาวะข้าวยากหมากแพง ไต้เกียวได้แต่ปลอบให้ใจเย็นเพราะดิ้นรนเวลานี้ก็ไม่มีประโยชน์
ไม่มีใครรู้เรื่องแผนของชาญยุทธจะใช้วิกฤติน้ำมันโลกล้างแค้นพันเดชนอกจากทรงวาด ความรู้สึกผิดเกาะกุมหัวใจเขาจนแทบข่มตาไม่ลงในแต่ละคืน แปะฮ้อเห็นแล้วทนไม่ไหวช่วยเตือนสติ
“พี่บุญธรรมเถ้าแก่รวยด้วยวิธีนี้มันรวยบนเสียงสาปแช่งของคน ข้าวมันจะติดคอเอานะ”
“ก่อนที่ข้าวจะติดคอพี่อ้ายบาปกรรมมันคงถมทับอั๊วตายก่อน”
“แล้วเถ้าแก่จะยอมถูกบาปกรรมทับตายทั้งที่รู้อย่างนี้น่ะเหรอ”
“แปะเคยบอกอั๊วไม่ใช่เหรอ...ในโลกไม่มีเรื่องดีพร้อมทั้งสองทาง อั๊วเลือกทดแทนบุญคุณก็ต้องยอมเป็นคนเลว”
“ความกตัญญูที่ไม่ได้ยืนอยู่บนคุณธรรมมันก็แค่ความงมงายเท่านั้น เราไม่จำเป็นต้องทดแทนบุญคุณด้วยการทำร้ายคนอื่นไม่ใช่เหรอเถ้าแก่”
“ความกตัญญูที่ไม่ได้ยืนอยู่บนคุณธรรม ไม่รู้อาจูพูดเหมือนแปะหรือแปะพูดเหมือนอาจูกันแน่”
“ไม่สำคัญหรอก...สำคัญว่าพูดถูกรึเปล่ามากกว่า”










