ตอนที่ 10
“กว่าผมจะหาคนแทรกซึมเข้าไปได้ลำบากมากนะครับ ถ้าทิ้งโอกาสนี้ก็ยากจะมีโอกาสครั้งที่สองอีก แล้วคุณพ่อก็เป็นคนสอนผมเองไม่ใช่เหรอครับว่าทำการใหญ่ใจต้องเหี้ยม”
คำพูดของชาญยุทธทำให้การันต์สะเทือนใจมาก พร่ำโทษตัวเอง
“เพราะพ่อเอง พ่อเป็นคนทำให้มีวันนี้ ลูกต้องมาเข่นฆ่ากันเองก็เพราะพ่อ”
“มันไม่ใช่ลูกคุณพ่อหรอกครับ เพราะถ้ามันคิดว่ามันเป็นลูกของพ่อมันก็คงไม่ทำแบบนี้ คุณพ่อมีแค่ผม พี่เอื้อย แล้วก็เสือเท่านั้นก็พอแล้วครับ”
พูดจบชาญยุทธก็ผละไป ทิ้งการันต์ให้อาการทรุดเพราะมีเรื่องกระทบกระเทือนจิตใจ วิสูตรถลาประคองเลยเซชนหม้อยาเดือดๆไม่ไกลกันนั้นทำให้ได้แผลบนมือเจ้าปัญหานี้มา
ทรงวาดเหนื่อยใจมาก ห่วงทั้งพ่อและพี่ชายบุญธรรม
“แล้วพี่อ้ายจะลงมือเมื่อไหร่ครับ”
“คงอีกพักใหญ่ครับ คุณอ้ายไม่ต้องการพลาดอีกแล้ว เพราะฉะนั้นครั้งนี้ต้องแน่ใจที่สุดเท่านั้น”
“ถึงกำจัดคุณพันเดชได้พี่อ้ายก็คุมทุกอย่างเหมือนที่คุณพ่อทำไม่ได้หรอกครับ พี่อ้ายฉลาด เด็ดขาด แต่...”
“คุณอ้ายผูกใจคนไม่ได้เหมือนกับท่าน การที่บังคับให้คุณเสือทำตามใจตัวเองทั้งๆที่คุณเสือไม่อยากทำก็เป็นตัวอย่างชัดเจนอยู่แล้ว อย่าว่าแต่ตามรอยท่าน
เลยครับ เหตุการณ์วุ่นวายตอนนี้คุณอ้ายอาจจะควบคุมไม่อยู่ด้วยซ้ำ”
ooooooo
สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างแก๊งในเยาวราชและพื้นที่ใกล้เคียงรุนแรงขึ้นทุกที ผู้คนล้มตายเพราะการแย่งชิงอำนาจไม่เว้นแต่ละวันจนทรงวาดต้องเรียกประชุมเหล่าหัวหน้าแก๊งที่ศาลเจ้าเพื่อเจรจาสงบศึก
บรรดาหัวหน้าแก๊งยังเกรงใจทรงวาดหรือเถ้าแก่เสืออยู่มากจึงยอมรวมตัวกันแต่ไม่วายเกิดศึกกลางศาลเจ้าเพราะต่างฝ่ายต่างมีความแค้นส่วนตัว ทรงวาดพยายามไกล่เกลี่ยก่อนประกาศเรื่องสำคัญ
“อั๊วขอสลายหกห้อง ผลประโยชน์ทั้งหมดทุกคนเอาไปแบ่งเท่าๆกัน...เท่านี้พอไหม”
ข้อเสนอของทรงวาดทำให้บรรดาหัวหน้าแก๊งนิ่วหน้าคิดหนัก ก่อนเบิกตาโพลงเมื่อฤทธิ์ตัวแทนของพันเดชปรากฏตัวกลางศาลเจ้าเพื่อยื่นข้อเสนอกับทรงวาดให้ลดค่าคุ้มครองครึ่งหนึ่ง!
พันเดชกับไต้เกียวไม่ได้ตามไปดูผลการเจรจาถึงศาลเจ้า แต่นั่งวิเคราะห์ความเป็นไปได้ด้วยกันที่บ้าน
ไต้เกียวคิดว่าเดาใจทรงวาดได้ “เฮียโฮ่วคิดแค่ค้าขายแล้วก็ใช้ชีวิตอย่างสงบ การทิ้งผลประโยชน์จากบ่อนจากโรงน้ำชาเป็นสิ่งที่เฮียเต็มใจทำด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นถ้าเราอยากชนะก็ต้องเกทับให้มากกว่าเท่านั้น”










