ตอนที่ 10
การันต์วางแผนแทรกแซงแผนของชาญยุทธด้วยการส่งทรงวาดไปช่วยพันเดชและพามาเจอเขาที่ตึกหกห้อง พันเดชไม่อยากเชื่อหูและสายตาตัวเองว่าพ่อแท้ๆจะช่วยเขาไว้ แอบดีใจแต่ทำเย็นชากลบเกลื่อน การันต์สะเทือนใจมาก รู้ตัวว่าผิดและพยายามไถ่โทษกับพันเดช
“ไม่มีพ่อคนไหนอยากเห็นลูกตายโดยไม่ยื่นมือเข้าช่วยหรอก”
“อย่าเรียกตัวเองว่าพ่อ คนอย่างคุณไม่คู่ควรหรอก คุณต้องการอะไรจากผม”
“ถ้าฉันขอแกได้ ฉันอยากให้แกหยุดแย่งชิงอำนาจกับอ้าย”
“ที่แท้ก็กลัวลูกรักจะตายน่ะเอง”
“ถ้าฉันกลัวอ้ายจะตายวันนี้ฉันคงไม่ช่วยแกหรอก”
พันเดชเถียงไม่ออก การันต์เห็นดังนั้นก็ตบบ่าลูกชาย “คนเป็นพ่อทนเห็นลูกเข่นฆ่ากันเองต่อหน้าต่อตาไม่ได้หรอก แล้วถึงแกจะไม่ยอมรับฉันเป็นพ่อแต่ยังไงแกก็คือลูกชายของฉัน ไม่มีอะไรมาเปลี่ยนแปลงมันได้หรอก”
“คุณพูดช้าไปยี่สิบปี ตอนนี้มันไม่มีความหมายอะไรกับผมอีกแล้ว...”
พูดจบก็เดินออกจากห้อง ทิ้งการันต์ให้ยืนกุมหน้าอกเพราะโรคหัวใจกำเริบ ทรงวาดรออยู่แล้ว ลุกยืนเมื่อเห็นว่าพันเดชเดินหน้าบึ้งออกมาจากห้อง
“คุณจะกลับเลยไหมครับ เดี๋ยวผมไปส่ง”
“ไม่ต้อง ฉันมีปัญญากลับเองได้...แต่ก็ต้องขอบใจที่ช่วยฉันเอาไว้”
“ไม่จำเป็น...ผมทำตามคำสั่งคุณพ่อ ส่วนเรื่องที่คุณสั่งให้ฤทธิ์ไปฆ่าอาเจ็กผม...ผมไม่มีวันลืม”
“พร้อมเอาคืนเมื่อไหร่ก็มา...ฉันจะรอ”
พันเดชท้าทรงวาดอย่างไม่กลัวก่อนผลักประตูตึกหกห้องไปเจอชาญยุทธกับวิสูตรที่ชักปืนเตรียมยิง การันต์ซึ่งตามมาปรับความเข้าใจกับพันเดชร้องห้าม ชาญยุทธน้อยใจมากตัดพ้อ
“คุณพ่อหักหลังผม แล้วนี่ยังคิดจะขวางผมอีกเหรอครับ”
“พ่อจำเป็นต้องทำ มันเป็นหน้าที่ของคนเป็นพ่อ”
“พ่อของไอ้ลูกนอกคอกที่เกิดจากเมียน้อยน่ะเหรอครับ”
คำพูดเหยียดหยามของชาญยุทธทำให้พันเดชหน้าตึง การันต์เห็นดังนั้นก็พยายามไกล่เกลี่ย “ไม่ว่าจะยังไง แกสองคนก็เป็นลูกพ่อ พ่อขอนะอ้าย...เลิกแล้วต่อกัน แกด้วยอ้น...เพื่อชีวิตของแกเอง สัญญากับพ่อได้ไหมว่าจะเลิก...”
การันต์พูดไม่ทันจบพันเดชก็โพล่ง “ไม่! เรื่องอะไรต้องสัญญา ถ้าอยากฆ่าฉันก็ฆ่าเลย ฉันยอมตายดีกว่าอ้อนวอนขอชีวิตจากไอ้ลูกแหง่อย่างแก”










