ตอนที่ 11
แก้วผิดหวังแต่ก็พอใจที่ขวางไม่ให้เขาตามเหมไปได้ หันมาบอกอบไปเตรียมข้าวของตั้งพิธีกัน สองน้าหลานรีบเดินกลับ
เทพเดินมาเจอบุญจึงถามพบตัวมิ่งไหม บุญรายงานว่ามิ่งหลบไปทางด้านหลัง เทพคาดเดาว่าแก้วจะตั้งพิธีปราบดวงวิญญาณพุดจีบเป็นแน่ จะต้องหาทางขัดขวาง
ooooooo
พระอาทิตย์ตกดินฟ้ามืดมิด เสียงหมาหอนขณะที่อยู่กับฉ่ำถือคบไฟตรวจตรา ทั้งสองขยาดถอยมาชนกัน มีเงาคืบคลานเข้ามา ทั้งสองร้องพร้อมกันว่ากลัวแล้ว
เทพกับบุญเข้ามาสะกิดให้มองว่าเป็นพวกตน แล้วถามว่าเห็นใครบ้าง ทั้งสองรายงานยังไม่มีใครเข้ามาสักคน บุญคิดว่าเหมคงยำเกรงเทพไม่กล้าตั้งปะรำพิธี แต่เทพไม่มั่นใจ
“ฉันวานคอยเฝ้าอยู่ทางนี้ ฉันจะไปตรวจตราเขตเรือน”
อยู่กับฉ่ำรับคำ บุญจะตามไปช่วยเทพแต่ทั้งสองรั้งไว้ บอกคนเดียวหัวหาย สองคนเพื่อนตาย สามคนกลับบ้านได้...ขอให้อยู่ด้วยกัน เสียงหมาหอนดังขึ้นอีก ทั้งสามขนลุกซู่
เทพเดินมายังจุดที่เจอเหมเมื่อบ่าย แล้วฉุกคิดว่าถ้าตั้งพิธีอาจจะทำตรงที่พุดจีบตาย จึงรีบไปที่ต้นไม้ใหญ่ที่เธอแขวนคอ
ใต้ต้นไม้ใหญ่ เหมนั่งบริกรรมคาถาอยู่ในวงสายสิญจน์ โดยมีแก้ว อบและมิ่งอยู่ด้วย ทั้งสามนั่งอกสั่นขวัญแขวนเพราะบรรยากาศวังเวง เสียงเหมพูดทั้งที่ยังหลับตาว่า
“เอ็งมาแล้วรึ?”
“พี่เหม...มันอยู่ไหน ข้าไม่เห็นมันเลย” เสียงพุดจีบหัวเราะลั่น แก้วถามอีกว่ามันอยู่ไหน
เหมลืมตาแล้วมองไปบนต้นไม้ เป่ามนต์ให้ทุกคนเห็นร่างผีพุดจีบนั่งห้อยขาแสยะยิ้ม มิ่งกับอบผวาเบียดเข้าชิดแก้ว ผีพุดจีบจ้องมองเข่นเขี้ยว
“พวกมึง...รนหาที่ตาย!” ผีพุดจีบปล่อยชายสไบยาวลงมายังปะรำพิธี
พวกแก้วหวาดกลัว เหมพึมพำคาถาแล้วซัดอาคมใส่ เกิดเปลวไฟไหม้ชายสไบ ลามไปเผาตัวผีหายวับไป แก้วดีใจคิดว่าวิญญาณดับแล้ว เหมยังคงบริกรรมคาถา...
มีหยดเลือดลงมาที่หน้าแก้ว เธอตกใจเงยหน้ามอง เห็นผีพุดจีบห้อยหัวลงมา
“พี่เหมช่วยด้วย! นังผีพุดจีบมันห้อยโหนจะมาฆ่าฉัน!”
เสียงพุดจีบหัวเราะ ยืดตัวลงในเขตสายสิญจน์
อบร้องลั่นจะวิ่งหนี เหมสั่งเสียงกร้าวอย่าออกจากเขตสายสิญจน์ แก้วกับมิ่งช่วยกันดึงอบไว้
“พวกเอ็งปล่อยข้า มันจะมาฆ่าพวกเรา!”
ผีพุดจีบพุ่งเข้าหาทั้งสามคน อบกับแก้วร้องเสียงหลง แต่แล้ววิญญาณหายวับไป เหลือเสียงหัวเราะดังก้อง เหมพูดขึ้นว่า
“ข้าลงอาคมล้อมไว้แล้ว มันทำอะไรไม่ได้”










