ตอนที่ 9
หนึ่งตามมาที่ลานจอดรถเห็นไพศาลเดินหน้าตาบอกบุญไม่รับไปที่รถโดยมีศานต์กับอุษณาเดินตาม ขณะที่สองยืนน้ำตาร่วงห่างออกมาก็ยิ้มสะใจที่แผนทำลายคนที่รักน้องสำเร็จด้วยดี ขยับจะไปหาแต่อาตม์ขวางไว้ เธอโวยวายเขาไม่มีสิทธิ์มาขวาง เธอไม่ใช่ผู้ร้ายของเขา
“ผมทำตามหน้าที่หลานคุณอา ผมต้องปกป้องครอบครัวของคุณอา”
“ฉันก็ทำหน้าที่ของพี่สาว ฉันจะไปช่วยสอง”
อาตม์สวนทันทีจะไปช่วยหรือทำลายกันแน่ ศานต์รักสอง เขาก็ช่วยพูดจนคุณอายอมมาดูตัวสอง ทุกอย่างกำลังไปได้ดีแต่หนึ่งกลับทำพัง เธอไม่ยอมรับผิด ถ้าจะโทษก็ต้องโทษพ่อของศานต์ที่พูดจาไม่ดีดูถูกคนอื่น และเธอจะไม่ยอมให้น้องสาวไปใช้ชีวิตร่วมกับครอบครัวเห็นแก่เงิน เขาโทษเธอที่ไม่รู้จักฟังให้ดีเสียก่อน คุณอาของเขาพูดไปทั้งหมดเพื่อสอนงานให้สอง แล้วเตือนว่าไม่ควรประเมินคนอื่นทั้งที่ไม่รู้จัก
สองมาทันได้ยินอาตม์อธิบายทุกอย่างให้หนึ่งฟังก็รู้สึกดีที่เขาคอยช่วยเหลือ หนึ่งจำได้ว่าก่อนหน้านี้เห็นเขาคอยปกป้องสอง ยังแอบคิดว่าเขารักสองแต่นี่เขากลับเชียร์ศานต์ออกนอกหน้า ตกลงเขาไม่ได้ชอบสองหรือ สองถึงกับหูผึ่งอยากรู้ว่าเขาคิดอย่างไรกับตัวเอง เขาไม่กล้าเผยความในใจจึงตัดบทขอตัวกลับก่อน หนึ่งจะปล่อยเขาไปแต่เหลือบเห็นสองยืนมองอยู่ รีบตามไปคว้าตัวเขาไว้คาดคั้นให้เขาตอบคำถามก่อน เขานิ่งไม่พูดอะไร
“คุณตอบไม่ได้เพราะคุณไม่ได้รักสอง แต่คุณรักฉัน อย่าลืมสิคะว่าเราคือรักแรกพบ คุณเสียสละเข้าไปช่วยชีวิตฉันในป่าข้างทาง บรรยากาศเป็นใจมาก แล้วครั้งก่อนคุณก็อ้างเรื่องจับผู้ร้ายไล่ล่าไปถึงเตียงในม่านรูด นี่ถ้าคุณไม่ติดภารกิจจับผู้ร้ายคุณก็คงจับฉัน...ทั้งคืน”
“คุณพูดอะไรของคุณ...คุณรู้อยู่แก่ใจว่าเรื่องมันเป็นอย่างไร” อาตม์หันหลังจะกลับแต่ต้องชะงักเมื่อเห็นสองยืนมองอยู่ หนึ่งแอบยิ้มพอใจที่สองได้ยินเรื่องที่ตัวเองแต่งขึ้น
“คุณสอง...ผมขอตัวไปหาคุณอา แล้วผมจะช่วยอธิบายให้คุณอาเข้าใจคุณ” อาตม์มองสองสายตาเต็มไปด้วยความห่วงใยก่อนเดินจากไป หนึ่งเห็นสายตาของเขาที่มองน้องสาวตัวเองก็เดาได้ไม่ยากว่าเขามีใจให้เธอ สองมองตามอาตม์จนลับสายตาก่อนหันมาถามหนึ่งว่ามาหาเธอมีอะไรหรือเปล่า
ครู่ต่อมา สองสาวเข้าไปนั่งคุยกันในแกลเลอรี หนึ่งขอโทษสองด้วยที่ความหวังดีของตนทำให้เกิดเรื่อง ตนไม่รู้จริงๆว่าพวกนั้นเป็นพ่อแม่ของแฟนเธอ ตนแค่อยากจะปกป้องเธอเท่านั้น สองไม่อยากพูดถึงเรื่องพ่อแม่ของศานต์อีกก็เลยตัดบท
“คุณไม่ยอมรับสองเป็นน้อง แล้วคุณมาหาสองทำไมคะ”










