ตอนที่ 10
“จริงสิ เอมอรไปต่างประเทศทำไมต้องไปตอนนี้ด้วยนะ”
“ไม่มีอะไรต้องคุยกันอีกแล้ว คุณไม่ได้ยินเหรอลูกชายเขาขอถอนหมั้นลูกเรายังต้องคุยอะไรกันอีก”
“คุณจะยอมไม่ได้นะ ถ้ายอมเราก็เสียหน้าสิเพิ่งจะ หมั้นกันแท้ๆ”
นิติถอนใจเหนื่อยกับเมียตัวเอง จังหวะนั้นเขมจิรา เพ้อเรียกชื่อธนาคิมเสียงดังลั่น คร่ำครวญว่ารักเขามากแค่ไหน เขาเองก็ต้องรักเธอเช่นกัน พิมพ์ชนกเขย่าแขน เพื่อให้น้องหยุดละเมอ ทิพย์อาภาไม่พอใจไล่ตะเพิดลูกเลี้ยงไปห่างๆแล้วเข้ามาดูแลเขมจิราเอง สักพักเธอฟื้นคืนสติ พิมพ์ชนกเป็นห่วงถามว่าปวดหัวหรือมึนหัวตรงไหนหรือเปล่า เขมจิราตวาดแว้ดไม่ต้องมายุ่งไม่ต้องมาทำเป็นห่วง ไล่พี่สาวไปให้พ้นหน้า
“หมดหน้าที่แล้วก็ออกไปสิยะ” ทิพย์อาภาช่วยไล่อีกแรงหนึ่ง พิมพ์ชนกลังเลเพราะเป็นห่วงน้อง นิติเห็นเธอไม่ขยับบอกให้ออกไปก่อน แค่นี้น้องก็แย่พอแล้ว พิมพ์ชนกใจเสียที่พ่อออกปากไล่ เดินคอตกออกจากห้องเขมจิรากวาดตามองหาธนาคิมไม่เห็นแม้เงาก็ร้องไห้ฟูมฟาย
“คุณแม่ พี่คิมล่ะ พี่คิมอยู่ไหน เขมไม่ยอมถอนหมั้นนะแม่ แม่ช่วยเขมด้วย”...
ฝ่ายพิมพ์ชนกเดินน้ำตาซึมมาที่ริมทะเลต้องตกใจที่เห็นธนาคิมเดินมาหา เขาอยากรู้ว่าเขมจิราเป็นอย่างไรบ้าง เธอตบเขาหน้าหันฐานทำให้น้องสาวของเธอเสียใจ เขายิ้มยียวนแค่ตบเองหรือ แต่ถ้ามันทำให้เธอโกรธได้ก็ถือว่าคุ้มค่า พิมพ์ชนกไม่เข้าใจเขาทำทั้งหมดนี่เพื่ออะไร ต้องการอะไรกันแน่ เขาแค่ต้องการให้คนอย่างเธอได้สำนึก เธอยิ่งงงหนักสำนึกเรื่องอะไร
“สำนึกในความเลวของตัวเองไง ในเมื่อผมทำอะไรคุณไม่ได้ก็คงต้องให้คนอื่นเป็นคนทำ แล้วคนที่จะทำหน้าที่ได้ดีที่สุดก็คือคนที่คุณรัก ครอบครัวคุณไง พวกเขาจะต้องผิดหวังเสียใจกับการกระทำของคนอย่างคุณ”
พิมพ์ชนกตระหนักในทันทีว่าที่ธนาคิมเข้าใกล้เธอทั้งตอนที่อยู่ในป่า คอยทำดีกับเธอทุกอย่างเป็นเรื่องที่เขาตั้งใจมาตลอดเพื่อทำร้ายเธออย่างนั้นใช่ไหม เขาตอบโดยไม่ต้องคิดว่าใช่แล้วยิ้มสะใจ
“เป็นไงล่ะพิมพ์ชนก ถ้าขนาดกฎแห่งกรรมที่ใครๆก็บอกว่ายุติธรรมที่สุดยังไม่ทำอะไรเลย ผมก็จะทำเอง ผมจะเป็นเจ้ากรรมนายเวรของคุณ จะจองล้างจองผลาญให้คุณได้สำนึกในบาปกรรมที่ตัวเองทำ”
หญิงสาวถามทั้งน้ำตาว่าตัวเองไปทำอะไรให้เขาโกรธแค้นนักหนาถึงต้องทำกันขนาดนี้ เขากลับบอกให้เธอคิดเอาเอง เธอส่ายหน้าไม่รู้เรื่อง เขายืนกรานว่าเธอต้องรู้ ทำไมจะไม่รู้ว่าทำอะไรกับใครไว้บ้าง หรือว่าเยอะจนจำไม่ได้ เธอเห็นสายตาน่ากลัวของชายตรงหน้า










