ตอนที่ 13
เช้าวันถัดมาติ๊ยาเข้าบริษัทของพ่อ บอกเลขาว่าตนอยากดูประวัติทางบัญชีของบริษัท เลขารับคำโดยดีแต่ประเสริฐที่ตามมาได้ยินรีบดึงมือลูกสาวไปคุยกันมุมหนึ่ง
“นี่ลูกกำลังคิดจะทำอะไร พ่อบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าเข้ามายุ่งกับธุรกิจของพ่ออีกอย่างเด็ดขาด”
“ไม่ยุ่งไม่ได้หรอกค่ะพ่อ เพราะธุรกิจของพ่อมันคือธุรกิจของติ๊ด้วย วันที่ธุรกิจของพ่อมันทำเงินติ๊ก็มีเงินใช้จ่ายอย่างสุขสบาย แต่วันที่พ่อลำบากติ๊เองก็ลำบากไปด้วย ลำบากแค่ไหนพ่อก็รู้ไม่ใช่เหรอคะ ถึงจุดนี้แล้วจะให้ติ๊อยู่เฉยๆคงไม่ได้หรอกค่ะ ติ๊จะไม่งอมืองอเท้ายอมเป็นทาสคนอย่างคุณคิม”
“ติ๊ยา ลูกรู้ตัวรึเปล่าว่ากำลังเล่นอยู่กับใคร”
“รู้สิคะ แล้วติ๊ก็ไม่ได้เล่นด้วย ติ๊เอาจริง”
“นี่คุณคิมนะลูก ไม่ใช่ตุ๊กตาน่ารัก ไม่ใช่ของเล่นที่หนูจะจับมาเล่นสนุกเหมือนตอนเด็กๆ”
“ก็ตอนนี้ติ๊ไม่ใช่เด็กแล้วนี่คะ อย่าห้ามติ๊เลยค่ะ เราไม่มีอะไรจะเสียแล้วนะคะ ยอมก็เจ็บ สู้ก็เจ็บ แต่ถ้าสู้แล้วเราอาจจะชนะก็ได้ ใครจะรู้”
“ไม่มีทาง เราไม่มีทางชนะคนอย่างคุณคิม”
“ถึงจะไม่ชนะ แต่อย่างน้อยในเมื่อเราเจ็บ มันก็ต้องเจ็บไปกับเราด้วยค่ะพ่อ” ติ๊ยาแน่วแน่เด็ดเดี่ยวมากจนประเสริฐเงียบไปอย่างอ่อนใจ...
เวลาเดียวกันที่โรงพยาบาล พิชัยนำอัลบั้มรูปตอนเด็กมาให้รตีดูเพื่อช่วยฟื้นความทรงจำและฟื้นฟูสมอง
“ลูกสาวของพ่อน่ารักตั้งแต่ไหนแต่ไรเลยนะลูก รตีจำได้ไหม”
รตีมองรูปวัยเด็กของตัวเองแล้วนิ่งทบทวน แต่จู่ๆภาพตอนรถเกิดอุบัติเหตุแทรกเข้ามาในความคิด เธอกรีดร้องตกใจและนึกถึงคิมหันต์ ร่ำร้องว่าเขาหายไปไหนทำไมไม่มาหา
หินเข้ามาพอดี ช่วยพิชัยจับรตีที่โวยวายอาละวาดสลับกับสะอึกสะอื้นรำพึงถึงคิมหันต์ กว่ารตีจะสงบลงก็เล่นเอาพิชัยรู้สึกประดักประเดิดเกรงใจหินไม่น้อย
“พ่อต้องขอโทษหินแทนรตีด้วย หินอย่าถือสารตีเลยนะ รตียังไม่หายเป็นปกติดี”
“ครับ ผมเข้าใจ”
“พ่อขอบใจหินมากนะที่อุตส่าห์มาช่วยดูแลรตีตามคำขอร้องของพ่อ”
“ถ้าผมรับปาก ผมก็ต้องทำครับ ว่าแต่คุณพ่อโทร.ให้ผมมาพบมีเรื่องอะไรเหรอครับ”
“เพื่อนพ่อที่อเมริกาติดต่อหมอศัลยกรรมมือหนึ่งให้ได้แล้ว แต่เราต้องพารตีไปด่วนเลย พ่อขอให้ทางโน้นติดต่อหมอด้านอื่นๆเพื่อฟื้นฟูรตีให้กลับมาเป็นปกติในทุกๆด้านให้ด้วย ซึ่งก็ดีนะรตีจะได้พักผ่อน พ่ออยากให้หินไปด้วยจะได้ช่วยกันดูแลรตี”
“ผมคงไปด้วยไม่ได้หรอกครับ ผมมีงานต้องรับผิดชอบ มีแม่กับน้องที่ต้องดูแล ผมขอโทษนะครับ”










