ตอนที่ 15
พุดจีบนึกถึงอดีตชาติที่ผ่านมา นิ่งฟังเทพขอให้ร่วมสร้างกรรมดี อโหสิกรรมให้หมดในชาตินี้ อย่าอาฆาตแค้นให้เป็นวัฏจักรกลับมาในชาติหน้าอีกไม่จบสิ้น ขณะที่หลวงปู่เทศน์ให้เห็นแจ้งว่าเมื่อโกรธก็อาฆาตแค้น เมื่อล้างแค้นก็เป็นกรรมที่ต้องสะสางในภพหน้า
พุดจีบฟังทุกคำและคิดไตร่ตรอง ในที่สุดก็สงบนิ่งอย่างเข้าใจถ่องแท้
“โยมรู้สึกเย็นแล้วรึไม่...ไม่โกรธ ไม่เกลียด ไม่เจ็บ ไม่ร้อน...การแก้บ่วงที่ประเสริฐคือการไม่ผูกบ่วง”
สไบที่รัดคอแก้วคลายออก ทุกคนยินดีที่พุดจีบยอมปล่อยวาง เทพเข้าสวมกอดวิญญาณพุดจีบแล้วร้องไห้ไปด้วยกัน
พุดจีบตัดสินใจกราบลา ขอลาไปรับกรรม สิ้นเวรสิ้นกรรมเราจะได้เกิดร่วมชาติกันอีก เทพรับคำว่าจะทำบุญอุทิศให้สม่ำเสมอ และจะรอคอยกลับมาครองคู่กัน...
พุดจีบถอยออกก่อนร่างจะเลือนหายไปทั้งน้ำตา ท่ามกลางความสะเทือนใจของทุกคน
ooooooo
ในดินแดนที่เต็มไปด้วยหมอกควัน หลวงปู่เดินนำวิญญาณพุดจีบเข้ามา แล้วบอกให้เธอไปทำหน้าที่ เธอก้มกราบหลวงปู่สามครั้ง พอเงยหน้าไม่เห็นท่านเสียแล้ว มีเพียงแสงนำทางให้เธอเลือกเดินว่าจะไปเส้นทางรับกรรมหรือจะไปรับบุญก่อน
เมื่อทุกอย่างสงบลง แก้วยังคงเว้าวอนเทพให้เชื่อตน แต่เขาไม่สนใจ สั่งอยู่เอาแก้วไปขังในห้องแล้วรุ่งเช้าจะส่งทางการให้รับโทษ แก้วร้องลั่นไม่ยอมไป แต่ถูกเมี้ยนหัวเราะเยาะและถากถาง มะลิสงสารแม่เข้าปลอบให้สงบลง
เมื่อเทพจูงมือหนูน้อยกลับขึ้นเรือน แก้วยังเคียดแค้นตะโกนด่าเทพไม่มีวันสมหวังได้ครองคู่กับพุดจีบ แล้วกรีดร้องราวคนเสียสติ
กลางดึกแก้วได้ยินเสียงเจิมร้องเพลงกล่อมมะลิ เป็นเพลงที่อิ่มร้องกล่อมตัวเอง แก้วน้ำตาร่วงริน รำพันหาแม่อิ่ม จากนั้นเกิดภาพหลอนเห็นผีมาหลอก เห็นหนอนยั้วเยี้ยเต็มห้อง
แก้วหลอนหนัก หวาดกลัวลนลานก่อนจะใช้สไบผูกห้อยจากหน้าต่างจะโรยตัวหนี แต่ผ้าสั้นเกินไปจึงจะหาอีกผืนมาผูกต่อ แต่พลันได้ยินเสียงพุดจีบหัวเราะก้อง แก้วผวาเฮือกและตัดสินใจเกาะผ้าเพียงผืนเดียวตกลงไปนอนสลบชั่วครู่
อยู่กับฉ่ำเข้ามาดูว่าแก้วเป็นอย่างไรบ้าง ไม่เห็นแก้วในห้องก็ตกใจ แก้วรู้สึกตัวกระเสือกกระสนหนีต่อไปจนถึงท่าน้ำและคิดจะพายเรือหนี แต่แล้วเห็นมิ่งไต่ขึ้นมาจากกราบเรือก็ตกใจร้องกรี๊ดวิ่งหนีไปทางสวนสะดุดรากไม้ล้มคะมำ เจอผีเหมจับมือก็แทบช็อก สะบัดมือลุกวิ่งไปทางดงกล้วย เจอผีอบหลอกหลอนอีก แต่ความจริงแล้วไม่มีผีตนใดเลย เป็นภาพหลอนที่แก้วเห็นเองทั้งสิ้น










