ตอนที่ 8
รสสุคนธ์บอกว่าตนอธิบายได้ แล้วเล่านับแต่ก่อนปัทม์เข้ามาทำงานว่า
“ก่อนที่ปัทม์จะเข้ามาทำงานที่นี่ บริษัทก็ใกล้จะเจ๊งอยู่แล้ว รสกับทยุตก็เลยจำเป็นต้องหาทางหนีทีไล่เอาไว้ก่อน ด้วยการเจียดเงินเก็บลงขันกันเพื่อเปิดบริษัทใหม่ ...ช่วงแรกๆระหว่างที่เราเดินหาลูกค้าด้วยกันรสกับทยุตก็ได้โอกาสที่จะหาลูกค้าใหม่ให้กับบริษัทตัวเองด้วย”
นั่นคือการแจกนามบัตรส่วนตัวของทั้งสองให้แก่เจ้าของร้านค้าที่ไปติดต่อขณะนั้นบอกว่ามีอะไรให้ติดต่อตนโดยตรงได้เลย รสสุคนธ์บอกว่าตนทำเพื่อเป็นหลักประกันว่าถ้าบริษัทนี้เจ๊งเราก็ยังมีที่ไป
ปัทม์ถามว่า “แน่ใจหรือว่าที่เล่ามาคือความจริงทั้งหมด...บอกความจริงมาเถอะ พวกคุณสมศักดิ์เขาเล่าให้ผมฟังหมดแล้ว”
สมศักดิ์ โตมร และญานีเป็นหัวหน้าแผนกที่ลาออก ปัทม์เป็นห่วงว่าให้รอได้งานใหม่ก่อนค่อยออกพวกเขาบอกว่ารับปากทยุตแล้วว่าจะไปทำงานกับบริษัทที่เขาตั้งมาได้สักพักแล้ว
เมื่อปัทม์รู้ความจริงและคาดคั้นกับรสสุคนธ์และทยุต ทยุตย้อนถามว่าแล้วมันผิดตรงไหน ตนแค่ชวน แต่ถ้าเขาไม่อยากมาใครจะไปฝืนใจเขาได้ ปัทม์ถามรสสุคนธ์ว่ามีอะไรจะสารภาพไหม รสสุคนธ์บอกว่าทั้งหมดนี้
ตนทำเพื่อปัทม์ เพื่อเรานะ
ปัทม์วกมาถามว่าที่ผ่านมาบริษัทมียอดขายสูงขึ้นแต่ทำไมกำไรไม่สูงตามไปด้วย รสสุคนธ์แกล้งตกใจถามว่าปัทม์จะบอกว่ามีคนโกงบริษัทหรือ ปัทม์ถามว่าพวกคุณพอรู้ไหมว่าเป็นฝีมือใคร รสสุคนธ์ย้อนถามว่าแล้วตนจะรู้ได้ยังไง
ปัทม์จึงเปิดเผยความจริงว่าตนสงสัยจะมีการทุจริตในบริษัทเลยสั่งให้มีการตรวจสอบบัญชีย้อนหลัง และเจอหลักฐานการทุจริตของเธอกับทยุต รสสุคนธ์ไม่เชื่อ ปัทม์จึงอ้างหลักฐานที่พบ รสสุคนธ์บอกว่าเป็นไปไม่ได้เพราะเอกสารถูกไฟไหม้หมดแล้ว
“เป็นไปได้สิ เพราะเอกสารพวกนี้ผมได้มาก่อนที่ไฟจะไหม้”
ทั้งทยุตและรสสุคนธ์ตะลึงอึ้ง รสสุคนธ์พยายามแย่งเอกสาร ปัทม์ดึงมือหลบจ้องหน้าอย่างจับผิด ยื่นคำขาดว่า
“ถ้าคุณยอมสารภาพความจริงทั้งหมด ผมก็จะคืนหลักฐานพวกนี้ให้คุณ ว่าไง มีอะไรจะบอกผมอีกไหม”
รสสุคนธ์ปากแข็งว่าตนบอกความจริงไปหมดแล้วถ้าไม่เชื่อก็จนใจ ปัทม์ตัดบทว่างั้นเธอก็ไปพูดความจริงกับตำรวจก็แล้วกันแล้วหันหลังจะออกไป รสสุคนธ์ท้าว่าเอาเลย เพราะถ้าเรื่องถึงตำรวจคนแรกที่เดือดร้อนก็คือตัวเขาเองเพราะเอกสารทุกใบเขาเป็นคนเซ็นอนุมัติ
เขาต้องรับผิดชอบไม่ใช่ตน










