ตอนที่ 8
อารักษ์เอารูปที่ถ่ายมาจัดเรียงให้หนูตุ่นไปถ่ายเอกสารข่าวประชาสัมพันธ์แจกน้ำสมุนไพรของนักธุรกิจหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรงกลางแดดเปรี้ยงตามสี่แยกที่รถติดไฟแดง ส่งไปตามหนังสือพิมพ์ฉบับต่างๆ
วันต่อมาหนังสือพิมพ์ดังหลายฉบับก็ลงข่าวการแจกน้ำสมุนไพรตามสี่แยกไฟแดงกัน ไม่เพียงเท่านั้น ทีวีก็ออกข่าวพร้อมกับภาพการเดินแจกน้ำสมุนไพร
ผู้ประกาศสาวอ่านข่าวอย่างชื่นชมว่า
“เมื่อชายหนุ่มขับรถกระบะคันนี้ไปทั่วกรุงเทพฯในบริเวณที่มีรถติดแล้วลงไปแจกน้ำดื่มสมุนไพรท่ามกลางอากาศร้อนเป็นวันที่ 3 แล้ว เขาทำไปทำไม วันนี้ผู้สื่อข่าวของเราลงไปสัมภาษณ์ เชิญรับชมค่ะ”
ภาพปัทม์ หนูตุ่น เอ้และมิ่ง ปรากฏบนจอทีวี ปัทม์ถือขวดน้ำสมุนไพรให้สัมภาษณ์อย่างถ่อมตนว่า
“ผมไม่มีเงินมากพอที่จะทำการตลาด ซึ่งก่อนหน้านี้ผมก็เคยทำขายมาแล้วแต่ก็ขายไม่ได้เพราะคนยังไม่ค่อยรู้จัก ถึงตอนนี้เลยอยากทำให้คนกรุงเทพฯรู้จักน้ำสมุนไพรของผมครับ ไร่ผมปลูกเอง เก็บเองแล้วก็คั้นน้ำเองกับมือ” หนูตุ่นเสริมว่าพรุ่งนี้เป็นต้นไปเราจะไปแจกที่สวนสาธารณะ “สวนลุม สวนจตุจักร ใครที่รักสุขภาพไปเจอกันนะครับ”
นอกจากนี้หนูตุ่นยังเอาน้ำสมุนไพรไปฝาก บก. แล้วอารักษ์ก็ขออนุญาตเอาบทความเรื่องน้ำสมุนไพรที่เพื่อนทำขายลงในนิตยสารของเราด้วย บก.ยิ้มใจดีบอกว่าเอาสิ...เรื่องราวดีๆมีประโยชน์อย่างนี้ตนสนับสนุนอยู่แล้ว ชิมน้ำสมุนไพรที่หนูตุ่นเอามาฝากแล้วชม
“จะว่าไปน้ำสมุนไพรนี่อร่อยดีนะ ไม่หวานมาก เหมาะกับคนเป็นเบาหวานอย่างผมเลย”
หนูตุ่นกับอารักษ์สบตากันยิ้มหน้าบานไปเลย
ooooooo
นอกจากแจกตามสี่แยกไฟแดงแล้ว ปัทม์ยังเอาไปให้ครูอัญดื่มและฝากไปแจกเด็กๆด้วย
ปัทม์สรุปผลการทำงานให้นักข่าวฟังว่า
“เวลานั้นเป็นที่ฮือฮามาก เพราะผมไปแทบทุกแยกที่รถติดหนักๆของกรุงเทพฯเป็นเวลา 4 วัน น้ำสมุนไพร 1,000 ขวดที่ผมตั้งเป้าไว้ก็หมด”
หลังจากนั้นน้ำสมุนไพร “Fight” ก็วางขายตามตู้แช่ทั่วไป ผู้คนซื้อดื่มกันหนาตา และยังแตกกลายเป็นสินค้าหลายอย่าง มีทั้งขนมไทย “จงรัก” และสินค้าเพื่อสุขภาพ “พรจงดี” ของหนูตุ่นด้วย ปัทม์สรุปว่า
“หลังจากที่ผมไปเดินแจก เดินขาย ชีวิตผมก็เปลี่ยนไปเลย ธุรกิจโตขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ครั้งนี้ผมค่อยเป็นค่อยไปแบบไม่เร่งรีบ ผมต้องขอบคุณจริงๆที่มีเพื่อนดีๆคอยช่วยเหลือผมตลอด รวมถึงคนนี้” ปัทม์หันไปโอบกอดหนูตุ่นอย่างชื่นชม “จากนั้นหนูตุ่นก็ลาออกจากงานมาช่วยผมเต็มตัว”










