ตอนที่ 6
ปัทม์ในวัยหนุ่ม ทุ่มเทแรงกายแรงใจทำสวนสมุนไพรกับน้าพร จากที่เคยปลูกสมุนไพรในกระถาง อ้ายคำก็สอนให้ขุดดินทำสวนสมุนไพรจนเหงื่ออาบมือแตกก็ไม่ย่อท้อ
ส่วนน้าพรก็ต้มสมุนไพรเป็นน้ำดื่มบำรุงให้ดื่มกันและให้กำลังใจ น้าพรยังคุยถึงหนูตุ่นกับรสสุคนธ์ผู้หญิงสองคนที่ปัทม์ใกล้ชิดสนิทสนม ปัทม์บอกว่าหนูตุ่นนั้นเหมือนน้องและรสสุคนธ์ก็คือเพื่อนสนิท
“ปัทม์มีปัญหากับผู้หญิงสองคนที่เลิกติดต่อกับปัทม์ เพราะปัทม์เลือกที่จะมาอยู่กับน้าที่นี่ ปัทม์กลับไปอยู่กรุงเทพฯดีกว่าไหม น้าไม่อยากให้ปัทม์ต้องเสียเพื่อนเสียน้อง”
“น้าพรครับ บุญคุณที่น้าพรดูแลผมกับแม่ ยังไงผมก็ต้องตอบแทนน้าตามความตั้งใจของแม่ที่เคยบอกผมไว้”
“น้าเข้าใจ แต่ปัทม์ก็ต้องมีทางเลือกในชีวิตของปัทม์เองไม่ใช่เหรอ”
“น้าพรครับ ที่ผมยืนอยู่ตรงนี้ไงครับ คือที่ที่ผมเลือกแล้ว”
“ขอบใจนะปัทม์...”
สมพรน้ำตาคลอโผเข้ากอดปัทม์ด้วยความซึ้งใจ
ฝ่ายหนูตุ่นเลือกที่จะไม่ตอบจดหมายและพูดคุยกับปัทม์ มุ่งมั่นทำขนมที่เรียนรู้จากลินจงอย่างจริงจัง แต่ปัทม์ก็ได้รู้เรื่องราวของหนูตุ่นจากครูอัญ ปัทม์เล่าว่า
“ครูอัญบอกว่า ตั้งแต่ผมไปอยู่เชียงราย หนูตุ่นเอาจริงเอาจังกับการทำขนมจนเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตที่หนูตุ่นขาดไม่ได้ หนูตุ่นตัดสินใจทำขนมขายโดยยังคงใช้ชื่อร้านเดิมคือชื่อแม่ผม แล้วก็ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ผมอยากชิมฝีมือของหนูตุ่นมาก แต่ไม่มีโอกาส หรือจริงๆผมนั่นแหละเป็นคนตัดโอกาส...”
“ส่วนรสสุคนธ์ ผมได้ข่าวว่าเธอพบรักกับคนที่ทำงาน เราไม่ได้เจอกันอีกเลย ผมเสียใจนะ แต่การที่ผมมาไกลจากที่ที่เคยอยู่ มันทำให้ผมเห็นอารมณ์ตัวเอง และผมก็รู้ว่ารสสุคนธ์เป็นผู้หญิงคนแรกที่ผมชอบ”
“ส่วนผม ผมก็ใช้ชีวิตเรียบง่ายอยู่ที่ไร่กับน้าพร ตลอดเวลาที่ผมอยู่ที่นั่น ผมปลูกต้นไม้ทุกวัน...”
ooooooo
จน 9 ปีต่อมา...ในปี พ.ศ.2528 ต้นไม้ที่ปัทม์ปลูกเจริญงอกงามจนเขียวครึ้มร่มรื่นไปทั้งไร่ ที่ไร่น้าพรนอกจากอ้ายคำแล้วยังมีมิ่งหลานชายกำพร้าที่อ้ายคำเลี้ยงดูจนโตและเอ้หลานสาวลูกครึ่งหน้าฝรั่งแต่พูดฝรั่งไม่ได้สักคำมาอยู่ด้วย
มิ่งเป็นคนซื่อและขยันมาก ส่วนเอ้เป็นเด็กสาวที่ไม่สวยแต่มีเสน่ห์ มาช่วยสมพรทำสวนสมุนไพรเพราะมีแรงดึงดูดใจจากปัทม์หนุ่มหน้าเข้มผิวกร้านที่ขลุกอยู่กับสวนสมุนไพรทั้งวัน
ปัทม์เล่าถึง 9 ปีที่อยู่ทำสวนสมุนไพรว่า
“9 ปีที่อยู่ที่นั่น หลายสิ่งเปลี่ยนไป โดยเฉพาะน้าพร...สุขภาพของน้าพรดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ตลอดระยะเวลา 9 ปีที่อยู่ที่นั่น ผมแทบไม่เคยเห็นน้าพรป่วยเลย น้าพรใช้ชีวิตเรียบง่ายตามวิถีธรรมชาติ ปลูกผักกินเองแล้วก็มีอ้ายคำกับหลานๆแกมาช่วยทำให้ไร่แห่งนั้นมีชีวิต มันมีค่ามากกว่าทองคำอย่างที่น้าพรเคยบอกจริงๆ”










