ตอนที่ 4
ส่วนขวัญกมลยิ้มสะใจ สมใจในแผนการของตน แต่พอกลับเข้าห้องก็ทำเป็นใจกว้างบอกพัสกรว่าถ้าเขาไม่อยากให้ตนอยู่ตนก็คงต้องไป พัสกรตัดบทโพล่งบอกว่า
“ผมจะกลับไปสอนเต้น”
ขวัญกมลตกใจผงะ!
ooooooo
จันทิมาถูกกุ๊งกิ๊งกับฉัตรชัยคาดคั้นถามว่าคนเมื่อคืนนี้เป็นใคร แล้วเธอมาช่วยมันทำไม
จันทิมาบอกว่าเพราะตนรักฉัตรชัยจึงให้เด็กที่เรียนเต้นตามมาดูว่าเขาไปไหนทำอะไรกับใคร แล้วหลอกล่อถามจนรู้ว่าที่โกดังนั้นเป็นโรงเรียนสอนเต้นของฉัตรชัย ถามยั่วกุ๊งกิ๊งว่าทำยังไงตนถึงจะได้ยืนอยู่ตรงนั้นบ้าง ตนยอมทำทุกอย่าง กุ๊งกิ๊งบอกว่าถ้ารักฉัตรชัยก็เอาตัวไปแต่โรงเรียนไม่ให้เพราะตนต้องเป็นเจ้าของที่นี่
กุ๊งกิ๊งยอมรับว่าในเมื่อความหวังที่จะทำโรงเรียนหงส์เหินกับพัสกรพังพินาศไปตั้งแต่ขวัญกมลเข้ามายุ่งกับพัสกร ตนก็ต้องหาทางอื่นที่จะทำให้ตนไปถึงความฝันได้ ตนจะไม่ยอมอยู่ใต้เงาครูสอนเต้นผู้ชายอีกต่อไป
พูดอย่างเจ็บใจว่า
“ถ้านังขวัญกมลมันตายๆไปซะตั้งแต่ตอนเกิดระเบิดที่โรงเรียนหงส์เหิน พัสกับพวกเราก็คงกลับไป เหมือนเดิม ฉันก็คงไม่ต้องมาทำแบบนี้ แต่ตอนนี้มันสายไปแล้ว ไม่มีอะไรเหมือนเดิมอีก...เธอก็อย่ามาขวางฉันละกันจันทิมา...เพราะฉันหยุดไม่ได้แล้วจริงๆ”
คืนนี้จันทิมาเล่าข้อมูลที่ได้มาให้นิรุตต์กับหมวดนะฟังที่ร้านกาแฟ ถามว่าทีมตนแตกเป็นเสี่ยงๆเพราะขวัญกมลจริงหรือ นิรุตต์บอกว่าเธอไม่ต้องยุ่งกับเรื่องนี้อีกแล้วเพราะคดีนี้ซับซ้อนสับสน ยิ่งเธอไปพัวพันก็ยิ่งไม่ปลอดภัย ให้ถอนตัวออกมาเสีย
“พอ หยุด ถอยออกมาเสีย ไม่ต้องไปแกล้งชอบแกล้งรักนายฉัตรชัย ไม่ต้องเอาตัวไปสืบเรื่องนี้แล้ว พูดจริงๆ...ผมเป็นห่วง”
นิรุตต์พูดจนจันทิมาไปต่อไม่ถูก เขินจนต้องยกแก้วกาแฟขึ้นดื่มแก้เขิน
ooooooo
เมื่อพัสกรเปิดสอนเต้นอีกครั้ง จ่อยได้มาเข้าโรงเรียน จ่อยเรียนอย่างตั้งใจและมีความสุข แต่พ่อของจ่อยถูกขวัญกมลที่ไม่ต้องการให้พัสกรกลับมาเต้นอีก เป่าหูจนพ่อไม่ยอมให้มาเรียน กักขังขู่ว่า ถ้าเอ็งเต้นข้าเตะ เพราะไม่เชื่อว่าจ่อยจะไปถึงฝันได้ พอผิดหวังเสียใจครูก็ไม่มาดูดำดูดีหรอก ตนเห็นมานักต่อนักแล้ว
วันนี้สายมากแล้ว จ่อยยังไม่มาเรียน พัสกรจึงถามบ้านจ่อยและไปตาม จ่อยบอกว่าพ่อไม่ยอมให้ตนเรียนเต้น พอพ่อเห็นพัสกรก็ด่าว่าเป็นพวกสิบแปดมงกุฎหลอกเด็กไปล่าฝัน แล้วลากจ่อยเข้าบ้าน
ขณะนั้นเอง โขงโผล่มา โชว์บัตรแนะนำตัวเองว่า
“ผมโขง ธรรมดี เจ้าหน้าที่แผนกพัฒนาครอบครัวครับ” เมื่อรู้ว่าพ่อไม่อยากให้จ่อยไปเต้นเพราะกลัวผิดหวัง โขงเข้าไปคุยกับพ่อว่า “อะไรที่เราว่ามันอันตราย ไม่ดี ไม่น่าไว้ใจ เราก็ไม่อยากให้ลูกเราเข้าไปยุ่งเกี่ยว”










