ตอนที่ 14
ทั้งหมดย้ายเข้าไปคุยในห้องที่ค่อนข้างส่วนตัว เมธัสให้นครินทร์ยื่นข้อเสนอมาเลยว่าจะเอายังไงเพราะโอกาสเป็นของเขาแล้ว
“ฝ่ายคุณต่างหากล่ะครับที่ต้องเสนอ ฝ่ายผม
ในฐานะผู้เสียหายจะรอฟังและพิจารณาว่าจะรับได้ไหม
กับข้อเสนอของคุณ”
“ผมว่าคุณคงคิดไว้หมดแล้วล่ะ ก่อนจะพาคนบุกมาที่นี่ แล้วคุณยังจะมาเล่นลวดลายอะไรอีก
คุณนครินทร์”
“ผมไม่เล่นหรอกครับ แค่ผมกดโทร.แจ้งตำรวจ ห้างเดอะเฮฟเว่นก็จะถูกตรวจค้นทุกซอกทุกมุมทันที แล้วผมก็มั่นใจว่าจะต้องเจอสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์อีกหลายร้าน ถึงตอนนั้นชื่อเสียงของห้างเดอะเฮฟเว่นก็จะไม่เหลือ”
“นี่ใช่ไหมล่ะ สิ่งที่คุณต้องการน่ะ ดับชื่อเสียงของห้างผมที่เป็นคู่แข่งของห้างคุณ”
“จริงเหรอคะคุณนครินทร์ ในฐานะที่คุณแสดงออกมาตลอดว่าปรารถนาดีต่อเม ช่วยตอบเมหน่อยสิคะว่าคุณตั้งใจจะทำลายชื่อเสียงของห้างเมจริงเหรอ”
นครินทร์อยากจะตอบใจจะขาดว่าจริง แต่ยังไม่ถึงเวลาเผยตัวตน “เราทำธุรกิจนะครับคุณเม เราต้องแบ่งแยกเรื่องส่วนตัวกับเรื่องงาน ในเมื่อห้างคุณมีคนละเมิดสินค้าของผม ทำให้ธุรกิจผมเสียหาย ผมก็ต้องจัดการ”
“แต่ตอนนี้เมอยู่ตรงนี้แล้วนี่คะ เมยอมเจรจากับคุณในฐานะเจ้าของห้าง ไม่ได้ปฏิเสธความรับผิดชอบอะไร คุณจะไม่แจ้งความใช่ไหมคะ”
“มันขึ้นอยู่กับพ่อคุณ ว่าจะยื่นข้อเสนออะไรที่ทำให้ผมพอใจได้รึเปล่า” นครินทร์มองหน้าเมธัสแววตาท้าทาย
หลังจากนั้นเขาก็โยกโย้อีกอย่างเจ้าเล่ห์ ทำให้เขตแดนแทบทนไม่ไหว ตอบโต้เข้าให้บ้างเมื่ออีกฝ่ายเรียกค่าเสียหายเป็นสิบๆล้าน ขณะที่เมธัสก็ว่าแบบนี้ไม่ใช่การเจรจาประนีประนอม แต่เป็นการขูดรีดทรัพย์
“งั้นก็อย่าคุยให้เสียเวลาเลย ในเมื่อวันนี้พวกคุณไม่จริงใจในการเจรจา ผมก็ขอกลับไปคิดดูก่อนว่าผมจะทำยังไงดีกับคลิปหลักฐานที่ผมถ่ายเก็บเอาไว้” นครินทร์แสยะยิ้มแล้วเดินออกห้องไปพร้อมวันชนะ
เมษารินอ่อนใจ ติงพ่อว่าทำไมไม่ใจเย็นกว่านี้ ถ้านครินทร์เอาเรื่องขึ้นมา ชื่อเสียงของห้างเรามีหวังพังเละเทะ
“ก็ลูกไม่เห็นเหรอเม นายนครินทร์ตั้งใจจะกวนประสาทพ่อ เขาไม่ได้อยากจะเจรจาอะไรกับพ่อหรอก”
“ถ้างั้นคุณพ่ออยู่เฉยๆค่ะ เมจะเป็นคนจัดการเจรจาเรื่องนี้กับเขาเอง”
“คิดเหรอครับว่าคุณจะเจรจาสำเร็จ”
“คุณก็เหมือนกัน อยู่เฉยๆ” เมษารินว้ากใส่เขตแดนแล้วรีบเดินตามนครินทร์ออกไป เมธัสขัดใจ บ่นว่าแบบนี้เข้าทางมันแน่










