เจ้าสาวจำยอม
ตอนที่ 14
นครินทร์ไม่สนใจ ชี้หน้าเขตแดนอย่างเดือดดาล “ฟังนะ! ถ้ามาเหยียบที่ของผมอีก ต่อไปผมจะตอบแทนด้วยการไปเหยียบที่ของคุณเป็นสองเท่า”
“ผมอุตส่าห์เอาเงินมาซื้อของในห้างคุณ ทำไมคุณถึงเดือดร้อนขนาดนี้ด้วย แล้วทีคุณพาคนบุกจับของในห้างของคนอื่น คุณเคยนึกถึงใจเขาบ้างไหม”
“ออกไป! เชิญคุณกลับไปได้แล้ว”
“โอเค ผมจะกลับ ส่วนเรื่องนาฬิกาที่ซื้อมาวันนี้ถ้าผมไม่พอใจ ผมจะทำเรื่องขอคืนเงินและส่งคืนสินค้าไปทางบริษัทแม่ที่ยุโรป”
“ทำได้ก็เชิญ”
“ผมทำได้แน่ ที่ผมมาวันนี้ก็เพื่อจะบอกคุณว่า ถ้าคุณเดินหมากของคุณ ผมก็จะเดินหมากของผมบ้าง ถ้าคุณบุกรุกเข้าไปอยู่ในที่ของคุณเม ผมก็พร้อมจะออกมาอยู่ในที่ของคุณ และทำทุกอย่างเพื่อปกป้องผู้หญิงที่ผมรัก”
เขตแดนขยับสูทแล้วเดินตัวตรงออกไปอย่างไม่ยำเกรง อาชากับรุ้งรดาก้าวตาม โดยมีสายตาแข็งกร้าวของนครินทร์มองไล่หลัง สบถออกมาอย่างสุดแค้น
“เอาเลย! มึงยิ่งขู่...กูยิ่งทำ!”
ooooooo
เขตแดนมีแผนจับผิดนครินทร์ตามที่ตัวเองเชื่อว่าเขาคือบอลลูกชายของเมธัส แต่ไม่ได้บอกกับใครนอกจากอาชาและศรุต แล้วต่อมาศรุตก็พูดให้ปิ่นมณีฟังแต่กำชับว่าห้ามแพร่งพรายเรื่องนี้กับใครจนกว่าจะมีหลักฐานชัดเจน
การนัดเจอกันที่สนามซอกเกอร์ระหว่างเมธัสกับนครินทร์ก็เป็นแผนของเขตแดนเช่นกัน เขาดึงเมธัสเข้ามาด้วยแต่ไม่ได้บอกรายละเอียดอะไร นอกจากจะให้เจรจาหาข้อยุติปัญหาที่ยังตกลงกันไม่ได้ ทั้งที่เขารู้ความจริงเรื่องนาฬิกาปลอมที่เอามาขายในห้างเดอะเฮฟเว่นนั้นเป็นแผนของนครินทร์
การเผชิญหน้ากันระหว่างพ่อลูกที่พลัดพรากจากกันนานนับสิบปีอยู่ในสายตาของเขตแดน อาชา ศรุต และปิ่นมณีที่ทุกคนทำให้เหมือนมาพบกันโดยบังเอิญที่สนามแห่งนี้
นครินทร์ฟังเมธัสพูดถึงลูกชายที่ชอบเตะบอลมากเป็นแรงบันดาลใจให้เขาทำสนามฟุตบอลนี้ขึ้นมา แต่แล้วลูกก็หายไปจากชีวิตทำให้เขาไม่มีโอกาสได้ส่งเสริม
“พอมาตอนนี้คุณมีทุกอย่างแล้ว คุณก็เลยสร้างสนามฟุตบอลซะเลย ถ้าอย่างนั้นผมก็เสียใจกับคุณด้วยนะครับ”
“เสียใจเรื่องอะไร”
“ก็คุณเขตแดนบอกกับผมว่านายบอลลูกชายคุณที่ผมเจอในวันเกิดของคุณเมเป็นตัวปลอม หมอนั่นคงไม่ชอบเล่นฟุตบอลมั้งครับ”
“ผมหวังว่าสักวันหนึ่งลูกชายผมตัวจริงอาจจะมาที่นี่”
“เวลาเปลี่ยน ทุกอย่างก็เปลี่ยน วันเวลาผันผ่านไปนาน ตอนนี้ลูกชายคุณอาจไม่ชอบเล่นฟุตบอลแล้วก็ได้ เขาอาจจะมีเป้าหมายอื่น”
“ขอให้ผมรู้เถอะว่าเขาชอบอะไร ผมพร้อมจะทำให้เขาทุกอย่าง”
“ทำดีชดเชย หรือทดแทนอะไรรึเปล่าครับนี่”
