ตอนที่ 10
แล้ววันหนึ่งค่ายวัดพิชัยก็กลายเป็นค่ายร้างเพราะพระยาตากหนีทัพจนโดนกล่าวหาว่าเป็นกบฏ ทั้งที่ความจริงท่านมีแผนบางอย่างอยู่ในใจ
ข่าวลือนี้ทำให้พระสุวรรณแทบหมดกำลังใจ บ่นกับหลวงเทพในคืนหนึ่งว่า
“น่าวิตกยิ่งนัก ตัวอาแก่แล้วกำลังวังชาแทบจะเหลือเพียงยกดาบได้ไม่ถึงชั่วยาม ถึงได้ห่วงไอ้พวกหนุ่มๆ มันช่างไม่มีกะจิตกะใจรบเลย...พ่อเทพไปนอนเอาแรงเถอะ วันพรุ่งก็ต้องเฝ้าเสด็จขุนหลวงหาวัดอีก”
“นอนก็ไม่หลับขอรับคุณอา กระผมยังคิดจนเวียนเรื่องเสบียงของข้าศึกว่ามีใครส่งหรือเปล่า”
“แต่ไอ้ตัวอาน่ะห่วงว่าถ้าข้าศึกประชิดกรุงใกล้กว่านี้คงจะได้นอนหวาดผวากันทุกคืน คงจะยิงปืนกันเหมือนคราวศึกอลองพญา ผู้คนไม่เป็นอันทำอะไรคอยแต่หลบลูกปืน”
“มาแน่ขอรับ เพราะกระผมได้ข่าวว่าข้าศึกหล่อปืนใหญ่มาเรื่อยๆระหว่างทาง คงต้องหาทางเข้ามาใกล้กำแพงเมืองเป็นแน่”
“ถ้างั้นทางตะวันออกแถวๆป้อมมหาชัยเป็นช่องโหว่น่ะสิพ่อเทพ ค่ายเพนียดแตกแล้ว”
“ขอรับ ไม่มีค่ายยันไว้เลย”
“ตั้งแต่พระยาตากออกรบกับพระยาเพชรบุรีที่วัดป่าแก้วแล้ว ขุนหลวงไม่ส่งกำลังออกตีข้าศึกอีกเลยนะ ตั้งรับอย่างเดียว”
“ขอรับ คนจะสมัครออกรบก็เลยไม่ได้ไป เพราะไม่มีแม่ทัพนายกองนำออกไป”
“พ่อไกรนั่นก็อยากไปเหลือเกิน สมัครไปประจำค่ายเขาก็ไม่อนุญาต”
ขาดคำของพระสุวรรณ เจ้าตัวก็เข้ามาพอดี หลวงไกรยืนยันว่าข่าวลือนั้นเป็นจริง
“คุณอาขอรับ พี่เทพ ข่าวบอกว่าพระยาตากทิ้งค่ายที่วัดพิชัยไปแล้ว วันนี้เองขอรับ ใบบอกเข้ามาบอกว่าทิ้งไปกับทหารประมาณห้าร้อยคนเมื่อหัวค่ำนี้เองขอรับ”
รุ่งขึ้นยายชดกับทับก็มาถามพระสุวรรณเรื่องนี้ด้วยเหมือนกัน
“จริงรึเปล่าเจ้าคะพระนายท่าน บ่าวไปตลาดเขาพูดกันให้แซ่ด”
“เขาว่าทิ้งค่ายไปเมื่อคืนขอรับ กระผมได้ยินเข้า ใจหายเหลือเกินขอรับพระนายท่าน”
“ใจหายเรื่องอะไรวะไอ้ทับ”
“เอ้ายายชด แกนี้ไกลปืนเที่ยง พระยาตากเขาว่ามีฝีมือเหลือเกิน แล้วค่ายทางทิศตะวันออกก็มีค่ายเดียวที่วัดพิชัยนี้แหละ ไม่มีคนคุมข้าศึกก็เข้ามาได้น่ะสิ ที่นี้ละแกเอ๋ย ปืนใหญ่ยิงตูมๆเหมือนคราวอลองพญาล่ะ รอให้น้ำลดก่อนเถอะ”
“เอ็งสองคนอย่าทำเป็นกระต่ายตื่นตูม บ่าวไพร่คนอื่นๆจะตกใจไม่เป็นอันทำงาน”
“บ่าวจะไม่พูดอึงไปเลย จริงจริ๊งเจ้าค่ะ”
ยายชดรับปากซะดิบดี แต่พอคล้อยหลังพระสุวรรณไปไม่นานก็โพนทะนาให้บ่าวไพร่รู้กันหมดว่าพระยาตากหนีทัพทิ้งค่ายไปทางทิศตะวันออกแล้ว พอทับเตือนแกก็เถียงว่า เรื่องนี้คอขาดบาดตาย บอกไปทุกคนจะได้เตรียมตัวกันทันไม่เป็นกระต่ายตื่นตูมเหมือนคราวศึกพระเจ้าอลองพญา
ooooooo
ฤดูน้ำหลากผ่านไป ดาวเรืองซึ่งอุดอู้อยู่แต่ในเรือนมานานก็อยากออกไปเดินตลาดและย่านวัดวาอารามโดยไม่สนใจเสียงเตือนของพี่เยื้อนที่กลัวจะไม่ปลอดภัยเพราะข้าศึกยังปักหลักรอบเมือง
แต่เพราะดาวเรืองมีสติอย่างที่คุณย่าพร่ำสอน










