ตอนที่ 10
“วันหนึ่งข้างหน้าเราคงได้ร่วมศึกเดียวกัน ฉันจะจำชื่อออเจ้าไว้”
หลวงไกรก้มลงกราบพระยาตาก สายตาที่มองท่านเต็มไปด้วยความเลื่อมใสศรัทธา
และแล้วหลวงไกรก็ต้องกลับเรือน บอกกับดาวเรืองเมียรักว่า
“ถ้าพี่ดึงดัน เจ้าคุณตากท่านก็คงรับไว้ ดูท่าทางท่านมิใช่คนเกรงกลัวด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง”
“ผิดกฎกองทัพนะคะพี่ไกร ไม่เป็นเรื่องที่ไหน”
“ดูที่เจตนา”
“จริงค่ะพี่ไกร แต่อยู่ที่ใครเป็นคนดู”
หลวงไกรพยักหน้าอย่างยอมแพ้เหตุผลของดาวเรือง แต่พูดต่อไปอย่างมั่นใจว่า
“ศึกครั้งนี้เราชนะแน่ๆ พี่เชื่อฝีมือเจ้าคุณตาก”
ooooooo
ที่ค่ายพระยาตากเวลานี้แม่ทัพและทหารทั้งปวงพร้อมรบแล้ว พระยาตากกับพระยาเพชรบุรีหารือการรบอีกครั้งก่อนออกคำสั่ง
“เจ้าคุณขอรับ แม่น้ำหน้าวัดป่าแก้วมีคลองเล็กคลองน้อยหลายสายแยกออกไป เจ้าคุณต้องการทัพหนุนเมื่อใด ขอท่านเจ้าคุณถอยเข้าปากคลองเหล่านั้นนะขอรับ เรือของเราลำเล็กบรรทุกคนไม่มากก็จริง แต่เป็นเรือยาวปราดเปรียว ถ้าแยกถอยเข้าคลองจะล่อให้มันตายได้หลายสาย กระผมจะตลบหลังให้ มิต้องให้สัญญาณเสียงเพราะข้าศึกจะรู้ไปด้วย”
“ฉันอาจไม่ใช้ทัพหนุนก็ได้นะพ่อสิน เราเป็นญาติกัน พ่อสินก็รู้จักฉันนี่ เพียงแต่ยังไม่เห็นฉันรบเท่านั้น”
“ขอรับ กระผมได้ยินว่าท่านกล้าหาญ ก็เพียงแต่จะทำหน้าที่ทัพหนุนให้เต็มกำลังเท่านั้นขอรับ”
กองเรือพระยาเพชรบุรีแล่นนำ เสียงทหารโห่ร้องและชูดาบฮึกเหิม กองเรือจำนวนมากเป็นร้อยๆลำ
แล่นเรื่อยไปท่ามกลางความสงบเงียบ
พระยาตากกวาดตามองไปครุ่นคิดใคร่ครวญเพราะข้าศึกเงียบเชียบผิดปกติ แต่พระยาเพชรบุรีสีหน้ากระหยิ่มฮึกเหิม นัยน์ตาแข็งกร้าวจ้องไปข้างหน้าอย่างมาดหมาย
พระยาตากทราบดีว่าพระยาเพชรบุรีมุทะลุและตั้งหน้าตั้งตารุกท่าเดียว เกรงว่าจะทำให้พวกตนเดือดร้อนจึงบอกทุกคนให้เตรียมตัวให้ดีเพราะกำลังของข้าศึกมากกว่าเราไม่รู้กี่เท่าตัว
การณ์เป็นจริง เมื่อข้าศึกซุ่มโจมตียิงปืนใหญ่เข้ากลางลำเรือพระยาเพชรบุรีทั้งที่พระยาตากเตือนแล้วว่าให้ถอย แต่พระยาเพชรบุรีไม่ฟังทำให้ตัวเองถึงแก่ชีวิต ส่วนพระยาตากที่นั่งเรือคนละลำถอยหนีไปพร้อมทหารจำนวนหนึ่งอย่างเศร้าใจ
ความพ่ายแพ้ของทัพพระยาตากทำให้ขุนหลวงเอกทัศน์ยิ่งวิตกกังวล ขณะเดียวกันพระเจ้าอุทุมพรที่อยู่ในผ้าเหลืองก็ร้อนใจไม่น้อยเหมือนกัน บอกกับหลวงเทพศิษย์เอกว่า
“ไม่แปลกอันใดหรอกเจ้าเทพ เจ้าคุณเพชรบุรีห้าวหาญมุทะลุแค่ไหนใครๆก็รู้ดี”
“การศึกใกล้เข้ามาทุกทีนะพุทธเจ้าค่ะ เหลือแต่กำแพงเมืองเท่านั้น จะกั้นแรงคนหลายหมื่นได้อย่างไร ข้าพุทธเจ้าท้อถอยยิ่งนัก”










