ตอนที่ 4
ปัทม์ตัดบทเรียกแม่กับน้าพรมากินข้าวกัน วันนี้ซื้อของมาเยอะเลย สมพรถามว่าเลี้ยงเนื่องในโอกาสอะไร
“เอ่อ...โอกาสที่ผมไม่ต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับงานของเฮียเล้งแล้วครับ”
“ดีมาก น้ากับป้าอบรวมถึงมิตรสหายร่วมวงการก็สบายใจขึ้น ที่ไม่มีพวกอิทธิพลมายุ่มย่ามในชีวิต”
“แล้วลูกจะไปยังไงต่อ”
“ช่วยแม่ทำขนมขาย แล้วเรียนให้จบ”
“ดีมาก” ลินจงกับสมพรยิ้มพอใจ แล้วช่วยกันแกะห่ออาหารใส่จานนั่งล้อมวงกินกันอย่างมีความสุข
ooooooo
ดึกแล้วแต่ปัทม์ยังนั่งถือกุญแจเซฟหมุนเล่นไปมา ตามองภาพกระดาษมีรูปบ้านอยู่กลางทุ่งที่ฉีกมา เหมือนคิดอะไรอยู่ ลินจงออกมาทัก ปัทม์บอกแม่ว่า อยากให้เราไปอยู่บ้านแบบนี้กัน
“แม่รู้ไหม ก่อนเฮียเล้งจะเสียเขาให้เงินผมไว้ เหมือนเขารู้ว่าวันนึงเขาจะต้องไป”
ลินจงถามว่าจริงเหรอ ฝ่ายสมพรถามว่าเท่าไหร่ ปัทม์บอกว่าเยอะมากเป็นเศรษฐีได้เลยล่ะ แต่ตนจะไม่เก็บเงินนี้ไว้ เพราะมันไม่ใช่เงินสุจริต มันเป็นเงินที่ได้มาจากซ่องทุกซ่องในย่านนี้และเงินจากค่าอะไรต่างๆ ที่เฮียเล้งไปขูดรีดเขามา
ลินจงเห็นด้วย สมพรถามว่าพี่จงไม่อยากสบายหรือ
“พรต้องไม่ลืมนะว่าพี่ต่อสู้กับคำพูดของคนมาตลอดเรื่องเงินที่พี่ได้จากการขายตัว พอตอนนี้พี่มาขายขนม ต่อให้มันใช้เวลาที่จะทำให้เราสบาย พี่ก็ทนได้เพราะเงินที่เราได้มามันเป็นเงินสุจริต”
“แต่ไม่มีใครรู้หรอกว่าเงินนี้มีที่มายังไง”
“ต่อให้ใครเขาไม่รู้ว่าเงินก้อนนี้มาได้ยังไง เราก็รู้อยู่ดีว่าเงินมาจากไหน”
สมพรขอบคุณที่ลินจงเตือนสติ บอกว่าวันนึงตนจะเลิกทำอาชีพนี้ ลินจงถามว่าวันไหน
“วันที่ฉันเจอผัวดีๆไงพี่”
ลินจงหันไปถามปัทม์ว่าแล้วเงินก้อนนี้ปัทม์จะเอาไปทำอะไร ปัทม์นิ่งไม่ตอบ แต่หลังจากนั้นปัทม์ก็พาเดือนกนกไปที่หลังโรงน้ำแข็ง เอากุญแจตู้เซฟให้ บอกว่าเฮียเล้งเก็บเงินไว้ในนี้ เดือนกนกถามว่าทำไมปัทม์ไม่เก็บไว้เองล่ะ
“ผมคงรับไม่ได้หรอกครับ...ผมทำแบบนี้เพราะผมไม่ต้องการมีอะไรยุ่งเกี่ยวกับที่นี่อีกต่อไป”
พอปัทม์เปิดตู้เซฟให้ดู เดือนกนกเห็นทรัพย์สินในนั้นถึงกับอุทานว่าทำไมมันเยอะอย่างนี้ เราต้องเอาเงินไปคืนใครหรือเปล่า ธนูขัดขึ้นทันทีว่าเราควรเก็บเงินก้อนนี้ไว้ลงทุน เดือนกนกถามว่าจะทำโรงน้ำแข็งต่อหรือ ธนูบอกว่าใช่ เฮียสร้างมาขนาดนี้แล้วเราต้องทำต่อ










