ตอนที่ 13
ฤกษ์หันไปยิ้มชอบใจกับฟ่างเป็นจังหวะเดียวกับเตชิตเดินเข้ามา พิพัฒน์ไล่ทั้งคู่ไปรอข้างนอกก่อน เตชิตแจ้งว่ากุญแจรถหายไม่รู้ไปลืมไว้ที่ไหน ฤกษ์แกล้งผลักฟ่างไปชนเขาเพื่อให้หย่อนกุญแจรถคืนใส่กระเป๋า พิพัฒน์ตำหนิทั้งคู่ว่าหาเรื่องเป็นเด็กๆ ฤกษ์ยิ้มให้พิพัฒน์อย่างรู้กันแล้วเดินออกไปกับฟ่าง เตชิตจะถามเรื่องกุญแจรถอีกครั้งแต่ต้องชะงักเมื่อมือไปสัมผัสโดนกุญแจรถที่ฟ่างแอบเอามาหย่อนคืนเมื่อครู่ถึงกับร้องอ้าว
“อ้าวอะไร” พิพัฒน์ทำเป็นถาม
“เปล่าครับเปล่า เมื่อครู่ผมคงล้วงหาไม่ทั่ว ตอนนี้เจอแล้ว” เตชิตชูกุญแจรถให้ดู พิพัฒน์มีงานให้เขากับวรมันทำร่วมกัน วรมันจะขอฉายเดี่ยว พิพัฒน์เสียงเขียวใส่
“แกดูสภาพตัวเองมั่งหรือเปล่า ฉันจะปลดระวางแกอยู่รอมร่อ มีงานให้ทำก็ดีเท่าไหร่แล้ว ไอ้...ไอ้เศษซากหมาเหลือเอ๊ย” พิพัฒน์ด่าวรมันไม่ไว้หน้า เตชิตมองเขาอย่างเห็นใจก่อนจะถามพิพัฒน์ว่าจะให้ตน
ไปทำอะไร พิพัฒน์ต้องการให้ทั้งคู่ชิงตัวพยานที่จะชี้เอาผิดเราได้ เตชิตไม่สบายใจนักเพราะรู้ว่าพยานที่ว่าเป็นใคร
ooooooo
ทันทีที่รู้ว่าเอกสารขอย้ายตัวชายเซ็นอนุมัติเรียบร้อย ชยธรนัดกับนัธมนจะไปเอาตัวชายกัน
แต่เช้าวันพรุ่งนี้ เธอไม่อยากคิดหากวันนี้เขาไปไม่ทันเวลา ชายคงตายคาด้ามแปรงสีฟันไปแล้ว
“นั่นสิ จังหวะที่ด้ามแปรงทะลุท้องนี่กว่าจะตายคงทรมานนะ”
“ก็แอบเป็นห่วงอยู่นะ วันนี้ลูกโซ่มันพูดซะแบบเห็นสภาพสารวัตรเละคาที่เลย พูดอะไรของมันนักก็ไม่รู้”
ชยธรอยากรู้ว่าลูกโซ่พูดอะไรบ้าง นัธมนเล่าเรื่องลางสังหรณ์ก่อนตายที่ห้ามทำให้ฟัง เขาเองซึ่งไม่เชื่อเรื่องนี้คุยให้ฟังว่าทำครบทุกอย่างไม่เห็นจะเป็นอะไร แล้วนี่ลูกโซ่ไปไหน นัธมนเองก็ไม่รู้เหมือนกันเห็นบอกว่าจะไปลาดตระเวนเผื่อตามตัวเตชิตกลับมาได้ ชยธรส่ายหน้า
“พูดไปเรื่อยเด็กเอ๊ย”
นัธมนหยิบมือถือขึ้นมาโทร.หาลูกโซ่เนื่องจากหายไปไม่ติดต่อกลับมา แต่ไม่มีใครรับสายเพราะเจ้าของมือถือตายจมกองเลือดคารถตัวเองที่จอดอยู่ในอาคารจอดรถของสำนักงานตำรวจแห่งชาตินั่นเอง...
ค่ำวันเดียวกัน ทุกคนในเซฟเฮาส์พากันหลับหมดแล้ว กานดาย่องเข้าห้องอย่างเงียบกริบพร้อมกับขวดยาขับเลือด ยืนมองตัวเองในกระจกเงา แล้วยกขวดยาขึ้นมาจะดื่มแต่เปลี่ยนใจวางลงที่เดิม เปลี่ยนใจไปมาอยู่หลายรอบ สุดท้ายตัดสินใจยกขวดจะกระดก นำบุญเปิดประตูผลัวะเข้ามาดึงขวดยาไปจากมือเสียก่อน
เตือนว่าดื่มยาขับเลือดเป็นอันตรายกับตัวเอง มันอาจ
จะฆ่าเธอได้ ไม่ใช่ฆ่าแค่เด็กในท้อง










