ตอนที่ 14
ไม่ถึง แต่ยาตัวนี้จะปลดปล่อยและเร่งเร้าพลังนั้นออกมา” โชติอธิบายเสร็จ ใช้เข็มฉีดยาดูดยาสีดำมาครึ่งหลอดแล้วฉีดให้ปั้น จากนั้นหยิบขวดยา
สีขาวขึ้นมา บอกว่านี่คือเทวะซึ่งจะพัฒนาสติปัญญาและจิตใจของลูก
“เมื่อลูกมีพลังมากขึ้น ลูกต้องมีสติมากขึ้นเพื่อควบคุมพลังของลูก” ดร.โชติใช้เข็มกับหลอด
ฉีดยาอีกอันดูดยาสีขาวจนหมดหลอด แล้วฉีดให้ปั้น อึดใจก็ผล็อยหลับไป
“เมื่อลูกตื่นขึ้นมา ลูกจะเป็นวีรบุรุษโดยสมบูรณ์”
ooooooo
อินทรีแดงกับวาสนาเริ่มไม่ไหว ความเย็นทำให้ใบหน้าทั้งคู่มีน้ำแข็งเกาะ เขารู้ดีว่าใกล้ถึงวาระสุดท้ายแล้ว จึงบอกเธอว่าจะทำตามสัญญาจะถอดหน้ากากออกให้เธอรู้ว่าเขาคือใคร เธอพึมพำว่าถึงเวลานั้นแล้วหรือ
“ครับ...ถ้าช้าไปกว่านี้ ผมอาจจะไม่มีแรง
ถอดหน้ากากตัวเองออก” อินทรีแดงกำลังจะถอดหน้ากากออกแต่ต้องชะงักเมื่อมีเสียงกุกกักเหมือนมีใครอยู่ข้างนอก...
ยามของโรงงานพาตำรวจสองนายเข้ามา
ในตัวอาคารเพื่อดูศพพิโรธกับพายุ ร้อยเวรมองเลยไปที่ห้องเย็นเห็นร่องรอยบางอย่าง ยามเล่าว่าพรุ่งนี้โรงงานจะเปิด ตนก็เลยต้องมาดูก่อน ตอนแรกเห็นประตูพัง เข้ามาในนี้เจอศพไอ้เหน่งอีก ตกใจแทบเป็นบ้า ร้อยเวรชี้ไปที่ห้องเย็นถามว่าในนี้
มียาเสพติดไหม
“ไม่มีครับ ไม่มีจริงๆ มีแต่เนื้อสัตว์”
ร้อยเวรเดินมาจับที่เปิดประตูห้องเย็น มืออีกข้างถือปืนเตรียมพร้อม แล้วเปิดประตูมองเข้าไปข้างในไม่พบอะไรนอกจากเนื้อสัตว์แช่แข็ง ทันทีที่เขา
ลดปืนลง อินทรีแดงกับวาสนาที่แอบอยู่เหนือประตูทิ้งตัวลงมาพุ่งพรวดผ่านเขาออกไปได้ ตำรวจอีกนายเข้ามาขวาง ทำให้เกิดการต่อสู้กันขึ้น
แม้อินทรีแดงและวาสนาจะอ่อนแรงเต็มทีแต่ฝีมือเหนือกว่าเล่นงานตำรวจล้มกลิ้งล้มหงาย ก่อนจะวิ่งหนีออกไป เจอศพลุงตี๋กองอยู่ข้างรถ อินทรีแดงผลักศพพ้นตัวรถแล้วขึ้นไปสตาร์ต วาสนาโดดขึ้นนั่งเบาะข้างๆก่อนรถจะเคลื่อนออกไปอย่างรวดเร็ว ตำรวจสองนายตามมาสาดกระสุนใส่แต่อินทรีแดงขับรถหลบหลีกกระสุนมาได้หวุดหวิด...
ผ่านไปพักใหญ่ เมื่อไม่เห็นตำรวจตามมา อินทรีแดงแวะร้านขายของข้างทางพูดกับวาสนาโดยไม่ได้หันมองว่าเราปลอดภัยแล้ว เธอจะลงไปหาอะไรกินก่อนไหม เงียบไม่มีเสียงตอบ เขาหันไปมองพบว่าเธอหลับสนิท
“ท่าทางคุณคงเหนื่อยมากนะ หน้าซีดมากเลย” อินทรีแดงพูดจบลงจากรถอย่างเงียบกริบกลัวเธอจะตื่น ตรงไปที่ตู้ขายของอัตโนมัติพวกขนมขบเคี้ยวกับน้ำดื่ม ครู่ต่อมาเขากลับมาที่รถ วางน้ำดื่มกับขนมต่างๆที่แค็บด้านหลัง เพิ่งสังเกตเห็นเลือดซึมออกมาจากเบาะที่วาสนานั่งก็ตกใจร้องเอะอะ เธอลืมตาตื่นขึ้นช้าๆ
“คุณอย่าเพิ่งขยับตัวนะ คุณถูกยิง”
หญิงสาวมองตามสายตาเขาเห็นคราบเลือดก็ตกใจไปด้วย เขาต้องปลอบให้เธอทำใจดีๆ เขาจะพาเธอไปโรงพยาบาลแล้วสตาร์ตรถขับออกไป เธอทักท้วงหากทำอย่างนั้นเขาอาจถูกจับ ถูกเปิดเผยตัว
“ผมไม่สนหรอกว่าโลกจะรู้ว่าผมเป็นใคร ชีวิตคุณต้องมาก่อน” คำพูดของอินทรีแดงทำเอาวาสนาซาบซึ้งใจ แต่แล้วเธอได้กลิ่นเหม็นเปรี้ยวบางอย่างก้มดูเบาะที่ตัวเองนั่ง บอกให้เขาหยุดรถก่อน เธอไม่ได้โดนยิงแล้วหยิบถุงไส้กรอกมีซอสมะเขือเทศถูกนั่งทับแบนให้เขาดู
“ซอสมะเขือเทศน่ะ กลิ่นซอสตลบขนาดนี้ไม่รู้ได้ไง”
อินทรีแดงถึงกับขำก๊าก วาสนาหัวเราะตามไปด้วย เขาด่าตัวเองว่าซื่อบื้อจริงๆ แล้วถามเธอว่าหิวไหมกินอะไรรองท้องก่อน จากนั้นหยิบขนมขบเคี้ยวกับน้ำดื่มให้
“ขอบคุณค่ะกำลังหิวเลย” วาสนาหยิบขนมใส่ปากแล้วหยิบอีกชิ้นยื่นให้อินทรีแดงซึ่งมองอึ้งๆ
“อย่าคิดเยอะ ฉันไม่ได้ป้อนแบบนั้น แต่ฉันรู้ว่าคุณก็หิวเหมือนกัน เอ้ากินซะ”
“ยังไงก็ขอบคุณครับ” อินทรีแดงกินของที่วาสนาป้อนให้อย่างปลื้มปริ่ม ขณะที่เธอตีหน้าเรียบเฉย แต่แอบเขินไม่น้อย
ooooooo
รถของลุงตี๋จอดอยู่ริมทาง วาสนากับอินทรีแดงพากันลงมานั่งพิงโขดหินหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย พระอาทิตย์ขึ้นจากขอบฟ้าแยงตาทำให้อินทรีแดงรู้สึกตัวตื่น พบว่าวาสนายังนอนหลับอยู่ข้างๆ
ทีแรกเขาจะปลุก แต่เห็นเธอยังหลับสนิทจ้องใบหน้าสวยของเธอด้วยความเคลิบเคลิ้ม ค่อยๆถอดหน้ากาก ปัดปอยผมที่ปรกหน้าเธอออกอย่างเบามือแล้วจุมพิตเธอที่หน้าผาก
“วาสนา ขอบคุณมากนะครับ”
แดดเริ่มแรงขึ้นทำให้วาสนาขยับตัว โรมรีบสวมหน้ากากกลับไปเป็นอินทรีแดงอีกครั้งเป็นจังหวะที่เธอลืมตาขึ้นพอดี เห็นเขาจ้องอยู่รีบหลบสายตา เขาเองก็แอบเขินเช่นกัน ชวนกลับกันได้แล้ว มีอะไรต้องทำอีกหลายอย่าง เธอขอให้เขาแวะปั๊มน้ำมันอยากล้างหน้าล้างตาเหลือเกิน เขาไม่ขัดข้องลุกขึ้นเดินไปที่รถ เธอมองตามนึกถึงคำพูดเขาเมื่อคืนที่ว่า “ผมไม่สนหรอกว่าโลกจะรู้ว่าผมเป็นใคร ชีวิตเธอต้องมาก่อน” ยังซึ้งใจไม่หาย
“สิ่งที่คุณพูดมาเมื่อคืนน่ะ ฉันจะจำไปตลอดชีวิต”...
Powered by Froala Editor










