ตอนที่ 18
คมน์ให้เขาหยุดเครื่องการูด้าเดี๋ยวนี้ แต่จางซูเหลียงบอกว่าอะไรที่สั่งไปแล้วยกเลิกไม่ได้
“แต่มันจะมีประโยชน์อะไรกับชัยชนะบนซากปรัก หักพัง”
กริชเตือนออกไปแต่จางซูเหลียงตอบโต้ทันใดว่า
“ความสะใจไงล่ะ ถ้าข้าไม่มีความสุข คนอื่นก็อย่าหวังว่าจะมีความสุขอีกต่อไป”
“เนี่ยเหรอผู้ทรงอำนาจ เป็นถึงหัวหน้าสมาคมสิ่งเอ็ง แต่กลับต้องใช้ชีวิตหลบๆซ่อนๆเหมือนคนพเนจร แก่จนป่านนี้แล้วลูกหลานซักคนก็ไม่มี ชีวิตที่เหลือก็เหมือนนักโทษที่ถูกขังไว้ด้วยความเหงา น่าสมเพชจริงๆ”
คมน์จี้ใจดำจางซูเหลียง สิงห์ช่วยตอกย้ำอีกคนว่า
“นี่จะบอกให้นะนายท่าน ไม่มีลูกน้องคนไหนที่เขารักนายท่านหรอก ที่เขาเชื่อฟังก็เพราะเขาหวาดกลัว ถ้าวันใดที่นายท่านแก่ตัว วันนั้นนายท่านโดนจัดหนักแน่... ขอบอก”
ไม่แค่นั้น กริชยังเสริมให้เจ็บแค้นลงไปอีก “อุตส่าห์เก็บเด็กมาเลี้ยงเป็นร้อยๆคน แต่ไม่มีใครรักท่านสักคน บางที...เรื่องแบบนี้ก็ต้องพิจารณาตัวเองกันบ้างนะครับท่าน”
“ไอ้พวกสารเลว!!”
จางซูเหลียงโกรธจัดสะบัดฝ่ามือโดยใช้พลังไทชิ ทำให้ทั้งกริช คมน์ และสิงห์เซล้มกันไป
กริชชักปืนออกมายิงใส่ แต่จางซูเหลียงหลบกระสุนได้ ใช้พลังผลักกริชกระเด็นปืนหลุดมือ
ooooooo
นาฬิกาเดินมาถึงเวลา 15.40 น. ท้องฟ้ามีลมพายุหมุนรุนแรงเกิดขึ้นที่บริเวณทุ่งนารอบนอกกรุงเทพฯ ชาวบ้านพากันวิ่งหนีพายุ คนและสิ่งของลอยกระเด็น...
ผ่านไปสิบนาทีเกิดพายุลูกที่สองบริเวณใกล้เคียงกับที่แรก ชาวบ้านวิ่งหนีตายอลหม่าน
ขณะนั้นกริช คมน์ และสิงห์ยังพยายามเข้ารุมจางซูเหลียง แต่ก็โดนพลังไทชิกระเด็นกันไปไม่เป็นท่าหลายครั้ง จนกระทั่งต่างกระอักเลือด กริชนึกถึงคำพูดของตวนกูคัสตาฟา ก็พึมพำออกมา
“กายและจิตไหลลื่นอ่อนโยน...ประสานไปในทางเดียวกัน”
สิงห์งงว่าสารวัตรพูดอะไร กริชบอกว่า
“จุดอ่อนของจางซูเหลียงคือจิตใจ เราต้องตีให้ตรงจุด”
คมน์รีบถามว่าจะตีอย่างไร กริชสวนว่าไม่รู้...แล้วทั้งสามก็เข้าโจมตีจางซูเหลียงอีกครั้ง แต่ก็กระเด็นกันออกมาคนละทิศละทาง กริชกระเด็นมาตรงที่ปืนตกอยู่ คมน์มาล้มลงแทบเท้ามรกต เธอมองเขาแล้วยื่นมือให้เพื่อจะช่วยดึงให้ลุก
คมน์จับมือมรกตและสบตาจริงจังก่อนถามว่า “ยังจำฉันได้เหรอที่รัก”
จางซูเหลียงเห็นแล้วรู้สึกหึง จังหวะนั้นเองที่กริชคว้าปืนขึ้นมายิงใส่ทำให้กระสุนถูกจางซูเหลียงถึงกับเซ กริชจับจุดได้ทันที
“ใช่แล้ว ไอ้ชีพ...มันหึงแกกับมรกต”










