ตอนที่ 10
“ตอนนี้คุณรีบกลับโลกของคุณเถอะ” หลุยส์กระตุกม้า กลินท์เอามือแตะที่อกเขาเชิงห้ามหลุยส์
ถามว่ามีอะไรอีก กลินท์บอกว่าตนรู้สึกเหมือนว่าจะไม่ได้เจอเขาอีก “ถ้าคุณเชื่อในพรหมลิขิต สักวันเราต้องได้กลับมาเจอกัน...สักวัน”
หนุ่มสาวสบตากันใต้แสงจันทร์ แล้วหลุยส์ก็ตัดใจพากลินท์ออกไป
ฝ่ายสมกับพวกทหาร ก็ตามหาหลุยส์กับกลินท์ให้ควั่ก
เวลาเดียวกัน เบนที่เป็นห่วงกลินท์อย่างมาก
สวดมนต์ไหว้พระในห้องพระที่บ้าน อธิษฐานในใจ
“ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน ขอผลบุญที่ผมเคยทำมา หนุนนำให้คุณปลอดภัยนะลินท์”
เบนยกมือไหว้ ก่อนปักธูปลงแต่ปักตื้นไม่แน่นทำให้ธูปเอียงไปทางเทียน แต่เบนไม่ทันได้สังเกต พอดีลมพัดเบนจึงลุกไปปิดหน้าต่าง ธูปเอียงไปทางเทียนทำให้เทียนติดลุกเป็นไฟ พอดีสายป่านผ่านมาเห็นรีบเข้าไปดับ เหลือแต่เทียนกับธูปที่ยังไหม้ไม่หมด ทั้งสองมองเทียนที่ยังมีไฟแผ่วๆใจคอไม่ดี
เบนคิดในแง่ดีว่าแสงไฟที่ยังไม่ดับ...แสดงว่า ยังมีความหวัง
เป็นเวลาที่หลุยส์พากลินท์ไปถึงประตูสวนดอกพอดี แต่ก็ถูกทหารกลุ่มหนึ่งที่มาดักอยู่กระชากกลินท์ไป หลุยส์จะเข้าไปช่วยก็ถูกทหารขู่ว่าหมอฝรั่งอย่ายุ่ง ตนต้องเอาตัวผู้หญิงคนนี้ไป หลุยส์ถามว่าเธอทำอะไรผิด เธอไม่ได้ทำอะไรผิด
“ผิดหรือไม่ผิดอยู่ที่การสอบสวน”
“แต่เธอกำลังจะไปจากที่นี่แล้ว และเธอจะไม่กลับมาอีก ปล่อยเธอไปเถอะ”
ทหารไม่ยอม กลินท์กัดมือทหารที่จับจนมันปล่อย หลุยส์บอกให้รีบหนีไป กลินท์ห่วงหลุยส์ถามว่าแล้วเขาล่ะ หลุยส์ตะโกน “รีบไป!”
“ฉันจะกลับมาหาคุณนะหลุยส์” กลินท์วิ่งหนีพลางหันมาตะโกนบอก
แต่ในสายตาของกลินท์ เห็นทหารจับตัวหลุยส์ขณะที่ตัวเองวิ่งผ่านประตูข้ามกาลเวลาไป และประตูกำลังปิด กั้นระหว่างตัวเองกับหลุยส์ลง...
ooooooo
เบน เน่า และสายป่านไปที่ประตูสวนดอกอย่างกระวนกระวาย เน่าถามว่าตกลงพวกเราไม่ได้บ้าใช่ไหม สายป่านว่ามาถึงขนาดนี้แล้วบ้าก็บ้าเถอะ เน่าบอกเบนว่างั้นลองดูสักตั้งนะ
“อือ...ขนาดเทียนที่ห้องพระถูกน้ำแต่แสงเทียนยังไม่ดับ ฉันก็ต้องมีความหวังว่าลินท์จะต้องกลับมา”
ทั้งสามมองไปที่ประตูสวนดอกอย่างใจจดใจจ่อ พลันทุกคนก็ตะลึงร้องลั่น










