ตอนที่ 11
พิกุลดูและฟังเรื่องราวทั้งหมดพูดอย่างสะใจว่า
“ในที่สุดก็ถึงวาระแห่งเวรกรรมสักที ฉันรอคอยวันที่จะเห็นพวกแกต้องเจ็บปวด ทุกข์ทรมานอย่างสาสมกับที่เคยทำไว้กับฉันและครอบครัว ทรมานต้องตอบแทนด้วยทรมาน ชีวิตต้องตอบแทนด้วยชีวิต”
พายุโหมกระหน่ำจนเรือโคลงเหวี่ยงคนไปมาและข้าวของก็กลิ้งเกลื่อน ทิพย์เกสรอาการโรคหัวใจกำเริบ นิสารีบไปหากระเป๋ายา แต่กระเป๋ายากลิ้งไปอยู่ที่เท้ากำนัน กำนันรำคาญเตะไปอีกทาง นิสาถลาไปคว้าแต่เรือโคลงทำให้กระเป๋ายาตกน้ำ นิสาก้มคว้าสุดตัวเสียหลักพลัดตกน้ำ เอียดตกใจร้อง “คุณนิสา!!!”
กำนันพงษ์เองก็ถูกเรือโคลงเหวี่ยงไปมาพยายามจับเสาเรือไว้แต่ถูกของกลิ้งมากระแทกจนตกน้ำไป
ทั้งนิสาและกำนันพงษ์พยายามตะเกียกตะกายจะขึ้นเรือแต่ก็ขึ้นไม่ได้ เพราะถูกอะไรบางอย่างดึงขาไว้
นิสากำลังจะหมดลมก็เห็นพิกุลแสยะยิ้มให้ นิสาไม่รู้จักพิกุลแต่จากสีหน้ารู้ว่าไม่ได้มาดีแน่
“วันนั้นแกเอาลมหายใจของฉันไป วันนี้ฉันจะทวงลมหายใจของฉันคืน” พิกุลเห็นว่านิสาใกล้จะหมดลมหายใจแล้ว พูดสำทับว่า “แกจะได้รับรู้ว่า ฉันทรมานแค่ไหน”
ooooooo
กำนันพงษ์พยายามว่ายน้ำจะขึ้นเรือ แต่มีมือมาดึงขาไว้จนกำลังจะหมดแรง ขณะนิสาก็กำลังจะหมดลมก็มีเลือดสีดำไหลออกจากตา จมูกและปากของพิกุลลอยเข้าปะทะหน้า ทำให้นิสาหมดสติไป
ร่างนิสาเหมือนถูกดึงดิ่งลงในเหวลึก เธอค่อยๆได้สติเพราะเสียงปี่ของพิกุล ขณะเดียวกันก็มีเสียงเมตตาของพุดกรองเรียก “คุณพิกุลเจ้าคะ”
พิกุลมองหาเสียงเรียกนั้น เห็นแม่ชีกางร่มยืนที่ท่าน้ำท่ามกลางสายฝน “หยุดการอาฆาตจองเวรเถิดเจ้าค่ะคุณพิกุล ขอให้เขาทั้งสองรับกรรมแต่อดีตเถิด เพียงแค่นี้กรรมของทั้งคู่ก็หนักเหลือเกินแล้ว”
“เรื่องเวรกรรม มิใช่เรื่องที่จะมาต่อรอง วันที่พ่อหล่อน พี่สาวหล่อน กระทำชั่วช้ากับฉันกับพ่อแม่ฉันอย่างเกินอภัย ฉันเคยร้องขอความเมตตาจากใครบ้าง มันสองคน สมควรรับกรรมตามวาระของมัน”
“เวรจักระงับด้วยการหยุดจองเวร ด้วยเมตตาเท่านั้นนะเจ้าคะ”
“ไม่!! ไม่จริง พวกมันชั่วช้าสามานย์ไม่เคยมีเมตตา ก็อย่าหวังว่าจะได้รับเมตตากลับคืน แม่ชีกลับไปซะ อย่ามายุ่งกับกรรมนี้...กลับไป” สิ้นเสียงพิกุลก็หายตัวไป แม่ชีพุดกรองหลับตาใช้สมาธิตั้งจิตมั่นคงอธิษฐาน
“ขอให้พายุโทสะของคุณได้สงบลงเถิดเจ้าค่ะ” แล้วสวดคาถามหาจักรพรรดิ สวดจบก็สวดซ้ำอีก
วิญญาณที่ดึงขานิสาเริ่มคลายจนหลุด ร่างนิสาลอยขึ้นมา ฝ่ายกำนันก็หลุดพ้นจากการดึงเช่นกัน










