ตอนที่ 10
นิราศบอกว่านิสาพยายามอยู่ห่างหูห่างตาแม่แล้ว ก็ถูกหาว่าเข้าข้างกัน โพล่งว่าถึงเนื้อถึงตัวกันเมื่อกี้ คงถูกมันเป่ากระหม่อมล่ะสิ นิราศบอกว่าตนคิดกับนิสาในฐานะน้องสาวเท่านั้น ทิพย์เกสรชี้ว่าแต่แม่นั่นไม่คิดแค่นั้น นิราศขอร้องว่า
“ถ้าแม่ไม่ไว้ใจนิสาก็ขอให้ไว้ใจผมเถอะครับ ว่าผมไม่มีวันคิดกับนิสาเป็นอย่างอื่น นอกจากน้องสาว”
ทิพย์เกสรก็ยังคาใจรุกถามว่าที่แน่ใจอย่างนี้เพราะลูกมีคนของลูกอยู่แล้วใช่ไหม เห็นนิราศอึ้งก็ซักต่อ
“คนของลูกที่สุพรรณใช่ไหม...ตานิราศ” เห็นนิราศยิ้มแทนคำตอบก็ยิ่งอยากรู้
เมื่อนิราศไปทำงานที่บริษัทน้ำตาลสยามก็ซักสมคิดเรื่องที่แม่ถามถึงคนที่สุพรรณ สมคิดชี้แจงว่า ตนแค่เล่าว่าคุณนิราศไปดูทำเลทำโรงงานที่นั่น แต่คุณทิพย์ระแวงไปเองว่ามีอะไรมากกว่านั้น ชี้แจงแล้วถามดักว่า
“แล้วนี่...คุณนิราศสารภาพไปแล้วหรือครับ”
“ฉันก็บ่ายเบี่ยงไปเรื่องอื่นก่อนสิ ไม่อยากเออออไปฝ่ายเดียวว่าพิกุลเขายอมรับฉันแล้ว...แล้วฉันจะแนะนำให้รู้จัก”
สมคิดเอะใจที่ชื่อพิกุลเหมือนกับชื่อลูกสาวเจ้าของเรือนคนเก่า นิราศถามว่ารู้เรื่องนี้ด้วยหรือ สมคิดพยักหน้า หยิบรูปถ่ายที่พกมาให้ดูเล่าว่า
“ท่านเจ้าอาวาสบอกว่าเจ้าของเรือนยกค่าเช่าที่ให้แก่วัดหากมีใครมาทำประโยชน์ แต่ก็ไม่มีใครเช่าทำอะไร จนกระทั่งกำนันพงษ์เข้าไปรับดูแลผลประโยชน์เอง พอซักไซ้ว่าที่วัดกลายเป็นที่ของกำนันได้ยังไง ท่านก็ได้แต่พูดว่า เป็นเรื่องของโยมจัดการกันเอง ท่านไม่อยากเข้าไปยุ่ง”
นิราศเพ่งดูรูปเหมือนเห็นอะไรบางอย่าง ถามสมคิดว่าได้รูปนี้มาจากไหน
“ท่านเจ้าอาวาสครับ เห็นว่าได้มาพร้อมกับข้าวของที่เจ้าของเรือนยกถวายวัด”
นิราศดูรูปอีก เป็นรูปที่จางวางพ่วงยกวงปี่พาทย์ไปเล่นที่กระทรวง ภาพถ่ายระยะไกล ทำให้เห็นหน้าแต่ละคนไม่ชัด นิราศพึมพำว่าพิกุลลูกสาวจางวางหน้าตาเป็นยังไงนะ สมคิดถามว่าทำไมอยู่ๆคุณนิราศถึงอยากรู้เรื่องของแม่พิกุลขึ้นมา นิราศบอกว่าตนอยากรู้ทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเรือนนั้น
สมคิดบอกว่าตนจะลองสืบดูจากรูปนี้ ถ้าวงที่ออกงานใหญ่อย่างนี้ก็น่าจะมีหลักฐานหลงเหลืออยู่บ้าง
นิราศขอบใจ ดูรูปอีกครั้ง สงสัยว่าตนรู้จักแม่พิกุลถึงสองคนเลยหรือ หรือว่าไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
ooooooo










